UID: 68946

ประชุมสภาล่ม หลัง การประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 2 ต้องปิดประชุมลงเมื่อเวลา 2

วันนี้ (1 พ.ย.2564) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับกาารตำรวจ ปคบ., กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, และสำ

ประชุมสภาล่ม หลัง การประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 2 ต้องปิดประชุมลงเมื่อเวลา 23.30 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยสาเหตุสภาล่ม คือ มีองค์ประชุมไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายสมาชิกด้วยการส่งข้อความสั้น หรือ เอสเอ็มเอส ให้สมาชิกมาประชุมกันอีกครั้งในวันนี้ เวลา 13.00 น. ประชุมสภาล่ม หลัง   ชนวนเหตุที่สำคัญที่ทำให้ต้องปิดประชุมสภาในครั้งนี้เกิดขึ้นจากสมาชิกมีข้อเสนอให้โหวตว่า จะปิดประชุม หรือ เปิดประชุมต่อไป หลังจากการอภิปรายเริ่มส่อเค้าของความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้น และ มีการประท้วงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากมีการอภิปรายตอบโต้กันถึงนโยบายเทิดทูนพระมหากษัตริย์ของรัฐบาล นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาประกาศปิดประชุมในเวลา 23.30 น. หลังนับองค์ประชุมเพื่อเตรียมลงมติโหวตว่า จะให้มีการเปิดประชุมต่อไปหรือให้ปิดประชุม ตามข้อเสนอของสมาชิก โดยจากการแสดงตนในที่ประชุมมีผู้ร่วมประชุมที่แสดงตนทั้งสิ้น 314 คน จากจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 648 คน ซึ่งไม่ถึงกึ่งหนึ่งตามข้อกำหนดที่ต้องมีผู้ร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 325 คน โดยการปิดประชุมครั้งนี้จึงถือเป็นการปิดประชุมเพราะสาเหตุสภาล่มเป็นครั้งแรกในรัฐบาลชุดนี้ หลังปิดประชุมมีการ เปิดเผยว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ส่งข้อความสั้น หรือ เอสเอ็มเอส นัดหมายให้สมาชิกร่วมประชุมในเวลา 13.00 น.วันนี้เพื่อโหวตลงมติว่า จะเปิดประชุมสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลต่อไป หรือ จะพิจารณาให้ปิดประชุม หลังจากไม่สามารถลงมติได้เพราะองค์ประชุมไม่ครบ สาเหตุที่ทำให้การประชุมเมื่อวานนี้ต้องจบลงเป็นเพราะประเด็นการอภิปรายตอบโต้ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ต่างหยิบประเด็นที่เป็นจุดอ่อนของแต่ละฝ่ายขึ้นมาตอบโต้กัน     โดยพรรคประชาธิปัตย์หยิบยกเอานโยบายเทิดทูนพระมหากษัตริย์ขึ้นมาอภิปราย ซึ่งต้องยอมรับว่า ประเด็นนี้นับเป็นจุดอ่อนที่พรรคเพื่อไทยถูกตั้งข้อสังเกตบ่อยครั้งตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้ง ขณะที่พรรคเพื่อไทยตอบโต้ด้วยประเด็นของการจัดการควบคุมการชุมนุม ซึ่งพรรคเพื่อไทยระบุมาโดยตลอดว่า เป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตระหว่างที่มีการชุมนุม ซึ่งประเด็นที่ทำให้อุณหภูมิในการอภิปรายเริ่มร้อนแรงขึ้นเมื่อ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงความไม่มั่นใจในการดำเนินนโยบายเทิดทูนพระมหากษัตริย์ของรัฐบาล โดยยกตัวอย่างถึงการจัดงานที่ใช้ชื่อทักษิณมหาราษฎร์ ที่แม้จะเป็นเพียงคำพ้องเสียงก็ไม่ควรปฏิบัติ ประเด็นนี้ถูกตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนจาก ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ระบุว่า การจัดงานดังกล่าวไม่ได้เป็นผลงานของคนเสื้อแดง แต่เป็นผลงufa55 เครดิต ฟรีานของคนชั่วพร้อมท้าทายว่าให้หาหลักฐานมาแสดง ประเด็นการอภิปรายยิ่งทวีความเผ็ดร้อนมากขึ้น เมื่อนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายเรียกร้องไม่ให้นำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องกับการอภิปรายในครั้งนี้ พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมากรณีนี้เคยถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกล่าวหาเพื่อออกใบอนุญาตจากสังคมให้เข่นฆ่าประชาชน คำอภิปรายของนายณัฐวุฒิ ถูกประท้วงให้ถอนออกจากบันทึกของการประชุม โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง โดยการประท้วงในประเด็นนี้ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในที่สุด นายสมศักดิ์ ต้องขอพักการประชุมเพื่อขอดูรายละเอียดในการประท้วงของนายสุเทพ     บรรยากาศในช่วงแรกที่เริ่มมีการประท้วงกันบ่อยครั้งมากขึ้นซึ่งภายหลังจากพักการประชุมไป 10 นาที ประธานในที่ประชุมได้วินิจฉัยให้ นายณัฐวุฒิ ถอนคำพูดดังกล่าว ซึ่งหลังจากตอบโต้กันหลายครั้งนายณัฐวุฒิ ยอมถอน โดยระบุว่า ต้องการให้การประชุมเดินหน้าต่อไป แม้การประชุมจะดำเนินต่อไปได้อีกระยะแต่มีข้อเสนอจากสมาชิกให้พิจารณาว่าควรจะเปิดประชุมต่อไป หรือ ปิดประชุม ซึ่งท้ายที่สุดนำมาซึ่งการนับองค์ประชุมเพื่อเตรียมการลงมติ และต้องปิดประชุม เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบจำนวน ภายหลังปิดประชุมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการทำหน้าที่ของนายสมศักดิ์ โดยระบุว่า น่าจะต้องมีการทบทวน ขณะที่นายสมศักดิ์ ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า ทำตามข้อบังคับการประชุม ส่วนข้อห่วงใยเกี่ยวกับเงื่อนเวลาในการเปิดประชุมเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้แถลงนโยบายภายใน 15 วัน หลังเข้ารับตำแหน่งนั้น นายสมศักดิ์ ระบุว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหา เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในกรอบ 15 วัน แต่ไม่ได้ระบุว่าการแถลงจะมีขึ้นกี่วันดังนั้นจึงไม่น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนการนัดหมายประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษของรัฐบาล จากเดิมที่นัดหมายในเวลา 13.00 น.นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะเลื่อนออกไปจนกว่าการประชุมในวันนี้จะแล้วเสร็จ ส่วนพิธีทำบุญที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าวันนี้ ยังคงมีตามกำหนดการเดิม   ชนวนเหตุที่สำคัญที่ทำให้ต้องปิดประชุมสภาในครั้งนี้เกิดขึ้นจากสมาชิกมีข้อเสนอให้โหวตว่า จะปิดประชุม หรือ เปิดประชุมต่อไป หลังจากการอภิปรายเริ่มส่อเค้าของความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้น และ มีการประท้วงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากมีการอภิปรายตอบโต้กันถึงนโยบายเทิดทูนพระมหากษัตริย์ของรัฐบาล นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาประกาศปิดประชุมในเวลา 23.30 น. หลังนับองค์ประชุมเพื่อเตรียมลงมติโหวตว่า จะให้มีการเปิดประชุมต่อไปหรือให้ปิดประชุม ตามข้อเสนอของสมาชิก โดยจากการแสดงตนในที่ประชุมมีผู้ร่วมประชุมที่แสดงตนทั้งสิ้น 314 คน จากจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 648 คน ซึ่งไม่ถึงกึ่งหนึ่งตามข้อกำหนดที่ต้องมีผู้ร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 325 คน โดยการปิดประชุมครั้งนี้จึงถือเป็นการปิดประชุมเพราะสาเหตุสภาล่มเป็นครั้งแรกในรัฐบาลชุดนี้ หลังปิดประชุมมีการ เปิดเผยว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ส่งข้อความสั้น หรือ เอสเอ็มเอส นัดหมายให้สมาชิกร่วมประชุมในเวลา 13.00 น.วันนี้เพื่อโหวตลงมติว่า จะเปิดประชุมสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลต่อไป หรือ จะพิจารณาให้ปิดประชุม หลังจากไม่สามารถลงมติได้เพราะองค์ประชุมไม่ครบ สาเหตุที่ทำให้การประชุมเมื่อวานนี้ต้องจบลงเป็นเพราะประเด็นการอภิปรายตอบโต้ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ต่างหยิบประเด็นที่เป็นจุดอ่อนของแต่ละฝ่ายขึ้นมาตอบโต้กัน   โดยพรรคประชาธิปัตย์หยิบยกเอานโยบายเทิดทูนพระมหากษัตริย์ขึ้นมาอภิปราย ซึ่งต้องยอมรับว่า ประเด็นนี้นับเป็นจุดอ่อนที่พรรคเพื่อไทยถูกตั้งข้อสังเกตบ่อยครั้งตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้ง ขณะที่พรรคเพื่อไทยตอบโต้ด้วยประเด็นของการจัดการควบคุมการชุมนุม ซึ่งพรรคเพื่อไทยระบุมาโดยตลอดว่า เป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตระหว่างที่มีการชุมนุม ซึ่งประเด็นที่ทำให้อุณหภูมิในการอภิปรายเริ่มร้อนแรงขึ้นเมื่อ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงความไม่มั่นใจในการดำเนินนโยบายเทิดทูนพระมหากษัตริย์ของรัฐบาล โดยยกตัวอย่างถึงการจัดงานที่ใช้ชื่อทักษิณมหาราษฎร์ ที่แม้จะเป็นเพียงคำพ้องเสียงก็ไม่ควรปฏิบัติ ประเด็นนี้ถูกตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนจาก ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ระบุว่า การจัดงานดังกล่าวไม่ได้เป็นผลงานของคนเสื้อแดง แต่เป็นผลงานของคนชั่วพร้อมท้าทายว่าให้หาหลักฐานมาแสดง ประเด็นการอภิปรายยิ่งทวีความเผ็ดร้อนมากขึ้น เมื่อนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายเรียกร้องไม่ให้นำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องกับการอภิปรายในครั้งนี้ พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมากรณีนี้เคยถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกล่าวหาเพื่อออกใบอนุญาตจากสังคมให้เข่นฆ่าประชาชน คำอภิปรายของนายณัฐวุฒิ ถูกประท้วงให้ถอนออกจากบันทึกของการประชุม โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง โดยการประท้วงในประเด็นนี้ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในที่สุด นายสมศักดิ์ ต้องขอพักการประชุมเพื่อขอดูรายละเอียดในการประท้วงของนายสุเทพ   บรรยากาศในช่วงแรกที่เริ่มมีการประท้วงกันบ่อยครั้งมากขึ้นซึ่งภายหลังจากพักการประชุมไป 10 นาที ประธานในที่ประชุมได้วินิจฉัยให้ นายณัฐวุฒิ ถอนคำพูดดังกล่าว ซึ่งหลังจากตอบโต้กันหลายครั้งนายณัฐวุฒิ ยอมถอน โดยระบุว่า ต้องการให้การประชุมเดินหน้าต่อไป แม้การประชุมจะดำเนินต่อไปได้อีกระยะแต่มีข้อเสนอจากสมาชิกให้พิจารณาว่าควรจะเปิดประชุมต่อไป หรือ ปิดประชุม ซึ่งท้ายที่สุดนำมาซึ่งการนับองค์ประชุมเพื่อเตรียมการลงมติ และต้องปิดประชุม เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบจำนวน ภายหลังปิดประชุมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการทำหน้าที่ของนายสมศักดิ์ โดยระบุว่า น่าจะต้องมีการทบทวน ขณะที่นายสมศักดิ์ ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า ทำตามข้อบังคับการประชุม ส่วนข้อห่วงใยเกี่ยวกับเงื่อนเวลาในการเปิดประชุมเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้แถลงนโยบายภายใน 15 วัน หลังเข้ารับตำแหน่งนั้น นายสมศักดิ์ ระบุว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหา เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในกรอบ 15 วัน แต่ไม่ได้ระบุว่าการแถลงจะมีขึ้นกี่วันดังนั้นจึงไม่น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนการนัดหมายประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษของรัฐบาล จากเดิมที่นัดหมายในเวลา 13.00 น.นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะเลื่อนออกไปจนกว่าการประชุมในวันนี้จะแล้วเสร็จ ส่วนพิธีทำบุญที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าวันนี้ ยังคงมีตามกำหนดการเดิม

กรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านระบุว่า มีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเป็นการตัด สส.บัญชีรายชื่อทิ้งไปให้เหลือเพ