UID: 50761

ทีดีอาร์ไอยันชาวนาได้ประโยชน์น้อยจากโครงการจำนำข้าว โครงการรับจำนำข้าวที่จะเริ่มในวันที่ 7 ตุลาคมนี้

วันนี้ (22 มี.ค.2567) น.ส.อังสนา​ มองทรัพย์​ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง​ จ.อุทัยธานี เ

ทีดีอาร์ไอยันชาวนาได้ประโยชน์น้อยจากโครงการจำนำข้าว โครงการรับจำนำข้าวที่จะเริ่มในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ทำให้คนในวงการค้าข้าวเป็นห่วงถึงความโปร่งใส ตั้งแต่การรับซื้อไปจนถึงการระบายข้าวที่ยังมีช่องโหว่ และทำให้เกิดการทุจริตในทุกขั้นตอน ขณะที่นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอยืนยันว่าชาวนาส่วนมากที่มีฐานะยากจนได้ประโยชน์จากโครงการนี้น้อยมาก ทีดีอาร์ไอยันชาวนาได้ประโยชน์น้อยจากโครงการจำนำข้าว การเปิดรับจำนำข้าวที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคมโดยไม่จำกัดปริมาณ ได้ถูกตั้งคำถามจากนักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอว่าเป็นการช่วยเหลือชาวนาที่ยากจนจริงหรือไม่ เนื่องจากผลประโยชน์จะตกกับชาวนาฐานะดีและมีข้าวในปริมาณมาก ผลวิจัยจากทีดีอาร์ไอระบุว่าโครงการรับจำนำปี 2548-2549 รัฐจะใช้เงินเกือบ 45,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าชาวนาได้ประโยชน์เพียงร้อยละ 37 ของผลประโยชน์ทั้งหมด ผู้ส่งออกได้ร้อยละ 24, โรงสี 323 แห่งจากกว่า 2,000 แห่งได้ร้อยละ 18 ขณะที่การทุจริตก็จะเกิดขึ้นตั้งแต่โรงสีถึงผู้ส่งออก โดยเฉพาะนักการเมืองจะแสวงหาผลประโยชน์จากผู้ส่งออกเป็นหลัก แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าวให้ข้อมูลว่า การทุจริตของโรงสีทำได้ตั้งแต่การนำชื่อชาวนามาสวมสิทธิเข้าโครงการ เมื่อได้ข้าวแล้วจะแอบนำข้าวไปขายเงินสดกับผู้ส่งออก แล้วค่อยนำข้าวอื่นมาสวมแทนหรืออาจปล่อยไว้จนกว่าได้ผู้ชนะการประมูลแล้วค่อยจ่ายเงินจากส่วนต่างให้แทน สำหรับบริษัทเซอร์เวเยอร์ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบดูแลการเก็บรักษาข้าวในสต็อค ก็มีการทุจริตเช่นกัน บริษัทเหล่านี้ จะตั้งโดยนักการเมืองหรือนายทุนท้องถิ่นแล้วเรียกรับผลประโยชน์จากโรงสีอัตรากระสอบละ 10-30 บาท หากโรงสีนั้นไม่มีข้าวในโกดังจริง ขณะที่การทุจริตในส่วนของผู้ส่งออก ทำได้ในขั้นตอนการระบายข้าวของรัฐ โดยนักการเมืองระดับสูงส่งคนใกล้ชิดมาเจรจากับผู้ส่งออก เพื่อขายข้าวในราคาต่ำกว่าที่รับจำนำ โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ จากนั้นจะเรียกรับผลประโยชน์กระสอบละ 100 บาท ปัจจุบัน แม้มีผู้ส่งออกข้าวไทยเกือบ 200 ราย แต่มีผู้ส่งออกรายใหญ่เพียงคือ บริษัทไทยฟ้า,พงษ์ลาภ, นครหลวงค้าข้าว, เอเชียโกลเดนท์ไรซ์ และข้าวไชยพร โดยเฉพาะ 3 รายหลัง เป็นที่รับรู้กันว่ามักมีโอกาสเข้าประมูลข้าวจากรัฐบาลเสมอ สำหรับทางออกของปัญหาทุจริตนี้แหล่งข่าวแนะนำว่ารัฐบาลต้องมีความโปร่งใสในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะการคัดเลือกเซอร์เวเยอร์ที่มีประสบการณ์จริงเข้ามา แทนที่จัดตั้งเป็นบริษัทเฉพาะกิจเพื่อรอโครงการรับจำนำ นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้มีการทุจริตในโครงการนี้อย่างแน่นอนทั้งการสวมสิทธิชาวนาไทยเพื่อนำข้าวประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา การส่งคนไปเรียกรับผลประโยชน์ ทั้งนี้เพราะต้องการให้ผลประโยชน์ตกอยู่ในประเทศ และชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น การเปิดรับจำนำข้าวที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคมโดยไม่จำกัดปริมาณ ได้ถูกตั้งคำถามจากนักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอว่าเป็นการช่วยเหลือชาวนาที่ยากจนจริงหรือไม่ เนื่องจากผลประโยชน์จะตกกับชาวนาฐานะดีและมีข้าวในปริมาณมาก ผลวิจัยจากทีดีอาร์ไอระบุว่าโครงการรับจำนำปี 2548-2549 รัฐจะใช้เงินเกือบ 45,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าชาวนาได้ประโยชน์เพียงร้อยละ 37 ของผลประโยชน์ทั้งหมด ผู้ส่งออกได้ร้อยละ 24, โรงสี 323 แห่งจากกว่า 2,000 แห่งได้ร้อยละ 18 ขณะที่การทุจริตก็จะเกิดขึ้นตั้งแต่โรงสีถึงผู้ส่งออก โดยเฉพาะนักการเมืองจะแสวงหาผลประโยชน์จากผู้ส่งออกเป็นหลัก แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าวให้ข้อมูลว่า การทุจริตของโรงสีทำได้ตั้งแต่การนำชื่อชาวนามาสวมสิทธิเข้าโครงการ เมื่อได้ข้าวแล้วจะแอบนำข้าวไปขายเงินสดกับผู้ส่งออก แล้วค่อยนำข้าวอื่นมาสวมแทนหรืออาจปล่อยไว้จนกว่าได้ผู้ชนะการประมูลแล้วค่อยจ่ายเงินจากส่วนต่างให้แทน สำหรับบริษัทเซอร์เวเยอร์ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบดูแลการเก็บรักษาข้าวในสต็อค ก็มีการทุจริตเช่นกัน บริษัทเหล่านี้ จะตั้งโดยนักการเมืองหรือนายทุนท้องถิ่นแล้วเรียกรับผลประโย1superslotฝาก 50 ฟรี 100ชน์จากโรงสีอัตรากระสอบละ 10-30 บาท หากโรงสีนั้นไม่มีข้าวในโกดังจริง ขณะที่การทุจริตในส่วนของผู้ส่งออก ทำได้ในขั้นตอนการระบายข้าวของรัฐ โดยนักการเมืองระดับสูงส่งคนใกล้ชิดมาเจรจากับผู้ส่งออก เพื่อขายข้าวในราคาต่ำกว่าที่รับจำนำ โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ จากนั้นจะเรียกรับผลประโยชน์กระสอบละ 100 บาท ปัจจุบัน แม้มีผู้ส่งออกข้าวไทยเกือบ 200 ราย แต่มีผู้ส่งออกรายใหญ่เพียงคือ บริษัทไทยฟ้า,พงษ์ลาภ, นครหลวงค้าข้าว, เอเชียโกลเดนท์ไรซ์ และข้าวไชยพร โดยเฉพาะ 3 รายหลัง เป็นที่รับรู้กันว่ามักมีโอกาสเข้าประมูลข้าวจากรัฐบาลเสมอ สำหรับทางออกของปัญหาทุจริตนี้แหล่งข่าวแนะนำว่ารัฐบาลต้องมีความโปร่งใสในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะการคัดเลือกเซอร์เวเยอร์ที่มีประสบการณ์จริงเข้ามา แทนที่จัดตั้งเป็นบริษัทเฉพาะกิจเพื่อรอโครงการรับจำนำ นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้มีการทุจริตในโครงการนี้อย่างแน่นอนทั้งการสวมสิทธิชาวนาไทยเพื่อนำข้าวประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา การส่งคนไปเรียกรับผลประโยชน์ ทั้งนี้เพราะต้องการให้ผลประโยชน์ตกอยู่ในประเทศ และชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2567 เกิดเหตุบั้งไฟแสนระเบิดพุ่งใส่ผู้ที่มาร่วมงานประเพณีบั้งไฟแสนประจำปี ที่บ้า