Home
|
เช่า ระบบ ฝาก ถอน ออ โต้

ความคืบหน้าเหตุเรือ SMOOTHSEA 22 ซึ่งเป็นเรือบรรทุ

เช่า ระบบ ฝาก ถอน ออ โต้

กรณีพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ และพระมหาสมปอง พระนักเทศน์ของวัดสร้อยทอง ไลฟ์ผ่านเฟชบุ๊ก พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยังสร้างกระแสดังข้ามคืนเนื่อง เพราะมีผู้เข้าม

วันนี้ (29 เม.ย.2564) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เปิดเผยว่า วัคซีน COVID-19 เป็นอาวุธในการต่อสู้กับเชื้อโรค แต่ในอดีต วัคซีนแต่ละตัวจะใช้มีการวิจัยประมาณ 5-10 ปี

วันนี้ (29 เม.ย.2564) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เปิดเผยว่า วัคซีน COVID-19 เป็นอาวุธในการต่อสู้กับเชื้อโรค แต่ในอดีต วัคซีนแต่ละตัวจะใช้มีการวิจัยประมาณ 5-10 ปี จึงจะออกมา แต่วัคซีน COVID-19 มีการวิจัยและนำมาใช้ในระยะเวลาเพียง 10 เดือน ซึ่งเป็นการอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน จะต้องเฝ้าระวังกว่าธรรมดา โดยปกติที่มีการทำอยู่แล้ว หลังจากการฉีดไปแล้ว 1, 3, 7 และ 30 วัน ขณะที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในปัจจุบันเหลือประมาณ 1,800 คน แต่จะมุ่งฉีดวัคซีนต่อไป แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อเหลือเพียง 180 คน หรือ 18 คนก็ตาม ทั้งนี้ วัคซีนยังต้องมุ่งต่อไป เพราะจะต้องสร้างให้ประชาชนคนไทยมีภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับโรคนี้ ซึ่งยังคงจะต้องต่อสู้ไปอีกยาวนานมาก ในปัจจุบัน มีวัคซีนเข้ามาในประเทศไทย 2 ชนิด คือชิโนแวค และแอสตราเซเนกา แต่วัคซีนชนิดอื่นที่กำลังจะเข้ามา ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ตัวนี้จะมาเติมจะต้องผ่านการพิจารณาสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญประมาณ 10 คนในการตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ของวัคซีนแต่ละชนิดว่าจะพร้อมอนุมัติทีเช่า ระบบ ฝาก ถอน ออ โต้่จะใช้ในประเทศไทยหรือไม่ ทั้งนี้ มีข้อมูลว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีการฉีดในประเทศไทยไปแล้วประมาณ 1.3 ล้านคน หรือคิดเป็น 1.7% ของประชากรทั้งประเทศไทย ซึ่งมีคำถามถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้ นพ.ทวี กล่าวว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนชิโนแวค จากข้อมูลจากบราซิลที่ตีพิมพ์ พบว่า 14 วัน หลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรก สามารถป้องกันโรคได้เกือบ 50% และหลังจากฉีดเข็มที่ 2 จะป้องกันโรคได้สูงขึ้น ขึ้นไปถึงระดับ 50-60% ขึ้นไป และค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไป ซึ่งชิโนแวคมีกระบวนการผลิต เหมือนกับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ส่วนวัคซีนแอสตราเซเนกา ใช้เชื้อไว้รัสที่ไปตัดตอน จนเชื้อแพร่ขยายไม่ได้แล้ว และฝังชิ้นส่วนของตัวเชื้อ COVID-19 เข้าไปในร่างกาย และร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อ COVID-19 ปรากฏว่าผลการศึกษา พบว่าถ้าฉีด 1 เข็ม พอครบ 3 สัปดาห์ จะเริ่มป้องกันโรคได้ พอถึง 12 สัปดาห์ ที่ยังไม่ได้ฉีดเข็มที่ 2 สามารถป้องกันโรคได้ 71% แต่หลังจากนั้นประสิทธิภาพจะตกลงไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น วัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้สูสีกัน ไม่แตกต่างกันมาก และอยู่ในเกณฑ์ที่ทั่วโลกยอมรับได้ว่ามีประสิทธิภาพที่ดี ส่วนที่มีคำถามว่าวัคซีนสามารถสู้กับเชื้อ COVID-19 กลายพันธุ์ได้หรือไม่นั้น วัคซีนชิโนแวค มีการศึกษาวิจัยที่ประเทศจีน ซึ่งมีการนำเชื้อและน้ำเหลืองของคนที่ฉีดวัคซีนชิโนแวค, วัคซีนชิโนฟาร์ม และน้ำเหลืองของคนไข้ที่หายแล้ว มาดูว่าจัดการกับไวรัสที่กลายพันธุ์ได้หรือไม่ ปรากฏว่าได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่เท่ากับเชื้อที่เป็นเชื้อดั้งเดิม ขณะที่วัคซีนแอสตราเซเนกา นำมาใช้กับเชื้อกลายพันธุ์ไปแล้ว โดยเฉพาะเชื้อกลายพันธุ์ที่มีมาในประเทศไทย คือสายพันธุ์อังกฤษ พบว่าวัคซีนสามารถสู้ได้สูงถึง 70% แต่หากเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมจะได้ถึง 81% โดยสรุปแล้ว วัคซีคมีอยู่ในมือ ยังสามารถรับมือเชื้อกลายพันธุ์ได้ แต่จะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เหมือนกับวัคซีนที่เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม นพ.ทวี กล่าวว่า ในปัจจุบัน มีวัคซีนที่จดทะเบียนทั่วโลก ที่ทำการวิจัย ระยะ 3 เสร็จแล้ว จะมีประมาณ 13-15 ชนิด ที่กำลังจดทะเบียนอยู่ วัคซีนทุกชนิดจะออกมาคล้ายกันว่าสามารถป้องกันการเสียชีวิต ป้องกันโรคที่รุนแรง ป้องกัน ICU ป้องกันใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งจะพบว่าได้เกือบ 100% ซึ่งตรงนี้เป็นหัวใจว่าวัคซีนที่สร้างขึ้นมา ต้องการต่อสู้กับโรคที่รุนแรงมาก ส่วนโรคเบา สามารถอยู่ที่บ้านหรือโรงพยาบาล ก็ไม่รุนแรงมาก เพราะที่เรากลัวคือกลัวรุนแรง เพราะคนไข้ที่ต้องอยู่ใน ICU จะต้องใช้ทรัพยากรทั้งบุคลากรและยาจำนวนมหาศาลมาก สิ่งที่ทางการแพทย์ที่เห็นคนไข้จำนวนมาก สิ่งที่กังวลที่สุดคือ ICU แต่ยังรับมือได้อยู่ อย่างไรก็ตาม วัคซีนถูกสร้างมาแค่ไม่ถึง 1 ปี และต่ำกว่า 1 ปี และถูกอนุมัติใช้อย่างเร่งด่วน ทุกประเทศจะต้องจับตามองเป็นพิเศษ พบว่าวัคซีนชิโนแวคมีความปลอดภัย และผลข้างเคียงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับแอสตราเซเนกา พบว่า 20-30% จะมีอาการปวดบวม แดงร้อน ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว แต่จะหายไปภายใน 2 วัน ส่วนกรณีที่พบว่าหลังฉีดวัคซีนแล้วมีอาการอัมพฤกษ์ จากการวิเคราะห์พบว่าเป็นผลข้างเคียงจากความวิตกกังวลที่ทำให้เกิดอาการทางกายได้ แต่พบว่าอาการหายไปภายใน -3 วัน ทุกคนหายหมด และหายเป็นปกติ นพ.ทวี กล่าวว่า ทุกคนที่ไปทำ MRI สแกนสมองหายเป็นปกติหมด ทุกคนเป็นผู้หญิงและบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมอว่าอาจจะเป็นไปได้ที่ทำงานหนัก เพลียมาก แล้วไปฉีดวัคซีน ก็อาจจะเกิดความวิตกกังวล และหลายคนมีเรื่องของการแพ้อาหารและมีโรคประจำตัว แต่คนที่มีโรคประจำตัวควรจะฉีดวัคซีนอยู่แล้ว ส่วนวัคซีนแอสตราเซเนกา ผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้คล้ายชิโนแวค แต่สูงกว่าประมาณ 40-50% จะมีอาการปวดบวม แดงร้อน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว แต่หายเองภายใน 48 ชั่วโมง แต่มีรายงานว่าที่ต่างประเทศ พบว่าเกิดลิ่มเลือด ซึ่งพบได้ประมาณ 4 ในล้านโดส ปรากฏว่าคนในเอเชียพบน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นคนในทวีปยุโรป และแอฟริกา ซึ่งจะพบในคนที่เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ สูบบุหรี่จัด จะเกิดลิ่มเลือดได้ง่าย โรคลิ่มเลือด ตอนที่ยังไม่มีวัคซีน COVID-19 จะพบน้อย จากการศึกษาพบว่าลิ่มเลือดที่เกิดจากแอสตราเซเนกา ประมาณ 4 ในล้านโดส ถ้าเป็น COVID-19 โอกาสเกิดลิ่มเลือดอยู่ที่ 125,000 คนต่อล้านคนที่ป่วยเป็น COVID-19 หรือคิดเป็นสัดส่วน 1 ต่อ 8 ซึ่งสูงกว่า 100 เท่า .คนที่สูบบุหรี่จัด 1 ล้านคน จะเป็นลิ่มเลือด 1,700 คน ซึ่งลิ่มเลือดเป็นความวิตกกังวลของประเทศในฝั่งตะวันตกมากกว่าของเอเชีย แต่ต้องมีการจับตามองต่อไป นพ.ทวี กล่าวอีกว่า โดยสรุปแล้ว วัคซีนตัวไหนดีหมด วัคซีนตัวไหนก็ฉีดเถอะ ตัวไหนก็ได้ ดีทั้งนั้น แต่ก่อนฉีดจะต้องติดตามข้อมูลให้พร้อมว่าพร้อมจะไปฉีด การที่ฉีดวัคซีนจะป้องกันตัวเองได้ ป้องกันครอบครัวได้ ซึ่งจะพบว่า COVID-19 รอบใหม่ ส่วนใหญ่มาจากคนวัยหนุ่มสาวที่นำเชื้อไปติดครอบครัว ทำให้เด็กและผู้สูงอายุป่วยมาก และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ส่วนเด็ก อาการป่วยยังไม่ค่อยรุนแรง นอกจากนี้ การฉีดวัคซียยังช่วยป้องกันการระบาดในประเทศไทยด้วย ซึ่งทำให้อาจจมีโอกาสเปิดประเทศ แลละมีการดำเนินกิจกรรมได้ แต่คงยังไม่ถึงระดับเปิดผับและบาร์เหมือนในต่างประเทศ ที่มีการฉีกวัคซีน 60-70% วัคซีน COVID-19 จะเป็นส่วนประกอบสำคัญในการต่อสู้กับโรคระบาด และมีโอกาสที่จะควบคุมการระบาดในประเทศไทยและคนไทยได้ เพื่อที่จะดำเนินเศรษฐกิจต่างๆ ต่อไปได้

เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2564 สื่อต่างประเทศ รายงานว่า "ไฟเซอร์" บริษัทผลิตยาของสหรัฐอเมริกา ออกมายืนยันเ

มหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 จัดขึ้นที่เมืองหางโจว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งนี้นับเป็นคร

กรณีครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ จ.เชียงใหม่ อัดคลิปให้นักเรียนมารับมือถือที่ถูกยึดไว้นานหลายปีจนเกิดกร

วันนี้ (29 เม.ย.2564) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เปิดเผยว่า วัคซีน COVID-19 เป็นอาวุธในการต่อสู้กับเชื้อโรค แต่ในอดีต วัคซีนแต่ละตัวจะใช้มีการวิจัยประมาณ 5-10 ปี จึงจะออกมา แต่วัคซีน COVID-19 มีการวิจัยและนำมาใช้ในระยะเวลาเพียง 10 เดือน ซึ่งเป็นการอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน จะต้องเฝ้าระวังกว่าธรรมดา โดยปกติที่มีการทำอยู่แล้ว หลังจากการฉีดไปแล้ว 1, 3, 7 และ 30 วัน ขณะที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในปัจจุบันเหลือประมาณ 1,800 คน แต่จะมุ่งฉีดวัคซีนต่อไป แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อเหลือเพียง 180 คน หรือ 18 คนก็ตาม ทั้งนี้ วัคซีนยังต้องมุ่งต่อไป เพราะจะต้องสร้างให้ประชาชนคนไทยมีภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับโรคนี้ ซึ่งยังคงจะต้องต่อสู้ไปอีกยาวนานมาก ในปัจจุบัน มีวัคซีนเข้ามาในประเทศไทย 2 ชนิด คือชิโนแวค และแอสตราเซเนกา แต่วัคซีนชนิดอื่นที่กำลังจะเข้ามา ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ตัวนี้จะมาเติมจะต้องผ่านการพิจารณาสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญประมาณ 10 คนในการตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ของวัคซีนแต่ละชนิดว่าจะพร้อมอนุมัติทีเช่า ระบบ ฝาก ถอน ออ โต้่จะใช้ในประเทศไทยหรือไม่ ทั้งนี้ มีข้อมูลว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีการฉีดในประเทศไทยไปแล้วประมาณ 1.3 ล้านคน หรือคิดเป็น 1.7% ของประชากรทั้งประเทศไทย ซึ่งมีคำถามถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้ นพ.ทวี กล่าวว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนชิโนแวค จากข้อมูลจากบราซิลที่ตีพิมพ์ พบว่า 14 วัน หลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรก สามารถป้องกันโรคได้เกือบ 50% และหลังจากฉีดเข็มที่ 2 จะป้องกันโรคได้สูงขึ้น ขึ้นไปถึงระดับ 50-60% ขึ้นไป และค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไป ซึ่งชิโนแวคมีกระบวนการผลิต เหมือนกับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ส่วนวัคซีนแอสตราเซเนกา ใช้เชื้อไว้รัสที่ไปตัดตอน จนเชื้อแพร่ขยายไม่ได้แล้ว และฝังชิ้นส่วนของตัวเชื้อ COVID-19 เข้าไปในร่างกาย และร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อ COVID-19 ปรากฏว่าผลการศึกษา พบว่าถ้าฉีด 1 เข็ม พอครบ 3 สัปดาห์ จะเริ่มป้องกันโรคได้ พอถึง 12 สัปดาห์ ที่ยังไม่ได้ฉีดเข็มที่ 2 สามารถป้องกันโรคได้ 71% แต่หลังจากนั้นประสิทธิภาพจะตกลงไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น วัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้สูสีกัน ไม่แตกต่างกันมาก และอยู่ในเกณฑ์ที่ทั่วโลกยอมรับได้ว่ามีประสิทธิภาพที่ดี ส่วนที่มีคำถามว่าวัคซีนสามารถสู้กับเชื้อ COVID-19 กลายพันธุ์ได้หรือไม่นั้น วัคซีนชิโนแวค มีการศึกษาวิจัยที่ประเทศจีน ซึ่งมีการนำเชื้อและน้ำเหลืองของคนที่ฉีดวัคซีนชิโนแวค, วัคซีนชิโนฟาร์ม และน้ำเหลืองของคนไข้ที่หายแล้ว มาดูว่าจัดการกับไวรัสที่กลายพันธุ์ได้หรือไม่ ปรากฏว่าได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่เท่ากับเชื้อที่เป็นเชื้อดั้งเดิม ขณะที่วัคซีนแอสตราเซเนกา นำมาใช้กับเชื้อกลายพันธุ์ไปแล้ว โดยเฉพาะเชื้อกลายพันธุ์ที่มีมาในประเทศไทย คือสายพันธุ์อังกฤษ พบว่าวัคซีนสามารถสู้ได้สูงถึง 70% แต่หากเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมจะได้ถึง 81% โดยสรุปแล้ว วัคซีคมีอยู่ในมือ ยังสามารถรับมือเชื้อกลายพันธุ์ได้ แต่จะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เหมือนกับวัคซีนที่เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม นพ.ทวี กล่าวว่า ในปัจจุบัน มีวัคซีนที่จดทะเบียนทั่วโลก ที่ทำการวิจัย ระยะ 3 เสร็จแล้ว จะมีประมาณ 13-15 ชนิด ที่กำลังจดทะเบียนอยู่ วัคซีนทุกชนิดจะออกมาคล้ายกันว่าสามารถป้องกันการเสียชีวิต ป้องกันโรคที่รุนแรง ป้องกัน ICU ป้องกันใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งจะพบว่าได้เกือบ 100% ซึ่งตรงนี้เป็นหัวใจว่าวัคซีนที่สร้างขึ้นมา ต้องการต่อสู้กับโรคที่รุนแรงมาก ส่วนโรคเบา สามารถอยู่ที่บ้านหรือโรงพยาบาล ก็ไม่รุนแรงมาก เพราะที่เรากลัวคือกลัวรุนแรง เพราะคนไข้ที่ต้องอยู่ใน ICU จะต้องใช้ทรัพยากรทั้งบุคลากรและยาจำนวนมหาศาลมาก สิ่งที่ทางการแพทย์ที่เห็นคนไข้จำนวนมาก สิ่งที่กังวลที่สุดคือ ICU แต่ยังรับมือได้อยู่ อย่างไรก็ตาม วัคซีนถูกสร้างมาแค่ไม่ถึง 1 ปี และต่ำกว่า 1 ปี และถูกอนุมัติใช้อย่างเร่งด่วน ทุกประเทศจะต้องจับตามองเป็นพิเศษ พบว่าวัคซีนชิโนแวคมีความปลอดภัย และผลข้างเคียงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับแอสตราเซเนกา พบว่า 20-30% จะมีอาการปวดบวม แดงร้อน ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว แต่จะหายไปภายใน 2 วัน ส่วนกรณีที่พบว่าหลังฉีดวัคซีนแล้วมีอาการอัมพฤกษ์ จากการวิเคราะห์พบว่าเป็นผลข้างเคียงจากความวิตกกังวลที่ทำให้เกิดอาการทางกายได้ แต่พบว่าอาการหายไปภายใน -3 วัน ทุกคนหายหมด และหายเป็นปกติ นพ.ทวี กล่าวว่า ทุกคนที่ไปทำ MRI สแกนสมองหายเป็นปกติหมด ทุกคนเป็นผู้หญิงและบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมอว่าอาจจะเป็นไปได้ที่ทำงานหนัก เพลียมาก แล้วไปฉีดวัคซีน ก็อาจจะเกิดความวิตกกังวล และหลายคนมีเรื่องของการแพ้อาหารและมีโรคประจำตัว แต่คนที่มีโรคประจำตัวควรจะฉีดวัคซีนอยู่แล้ว ส่วนวัคซีนแอสตราเซเนกา ผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้คล้ายชิโนแวค แต่สูงกว่าประมาณ 40-50% จะมีอาการปวดบวม แดงร้อน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว แต่หายเองภายใน 48 ชั่วโมง แต่มีรายงานว่าที่ต่างประเทศ พบว่าเกิดลิ่มเลือด ซึ่งพบได้ประมาณ 4 ในล้านโดส ปรากฏว่าคนในเอเชียพบน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นคนในทวีปยุโรป และแอฟริกา ซึ่งจะพบในคนที่เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ สูบบุหรี่จัด จะเกิดลิ่มเลือดได้ง่าย โรคลิ่มเลือด ตอนที่ยังไม่มีวัคซีน COVID-19 จะพบน้อย จากการศึกษาพบว่าลิ่มเลือดที่เกิดจากแอสตราเซเนกา ประมาณ 4 ในล้านโดส ถ้าเป็น COVID-19 โอกาสเกิดลิ่มเลือดอยู่ที่ 125,000 คนต่อล้านคนที่ป่วยเป็น COVID-19 หรือคิดเป็นสัดส่วน 1 ต่อ 8 ซึ่งสูงกว่า 100 เท่า .คนที่สูบบุหรี่จัด 1 ล้านคน จะเป็นลิ่มเลือด 1,700 คน ซึ่งลิ่มเลือดเป็นความวิตกกังวลของประเทศในฝั่งตะวันตกมากกว่าของเอเชีย แต่ต้องมีการจับตามองต่อไป นพ.ทวี กล่าวอีกว่า โดยสรุปแล้ว วัคซีนตัวไหนดีหมด วัคซีนตัวไหนก็ฉีดเถอะ ตัวไหนก็ได้ ดีทั้งนั้น แต่ก่อนฉีดจะต้องติดตามข้อมูลให้พร้อมว่าพร้อมจะไปฉีด การที่ฉีดวัคซีนจะป้องกันตัวเองได้ ป้องกันครอบครัวได้ ซึ่งจะพบว่า COVID-19 รอบใหม่ ส่วนใหญ่มาจากคนวัยหนุ่มสาวที่นำเชื้อไปติดครอบครัว ทำให้เด็กและผู้สูงอายุป่วยมาก และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ส่วนเด็ก อาการป่วยยังไม่ค่อยรุนแรง นอกจากนี้ การฉีดวัคซียยังช่วยป้องกันการระบาดในประเทศไทยด้วย ซึ่งทำให้อาจจมีโอกาสเปิดประเทศ แลละมีการดำเนินกิจกรรมได้ แต่คงยังไม่ถึงระดับเปิดผับและบาร์เหมือนในต่างประเทศ ที่มีการฉีกวัคซีน 60-70% วัคซีน COVID-19 จะเป็นส่วนประกอบสำคัญในการต่อสู้กับโรคระบาด และมีโอกาสที่จะควบคุมการระบาดในประเทศไทยและคนไทยได้ เพื่อที่จะดำเนินเศรษฐกิจต่างๆ ต่อไปได้

วันนี้ (8 พ.ย.2566) เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางนาและพระโขนง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิร