ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายเศรษฐกิ
วันนี้ (20 ก.พ.2568) น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก เปิดประเด็นต่อเนื่อง สำหรับการบริหารงา
วันนี้ (15 ก.ย.66) นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย จ.เชียงราย และชาวแม่สาย เตรียมยื่นข้อเสนอต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่จะลงพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในช่วงบ่ายวันนี้ ให้เร่งแก้ปั
วันนี้ (9 ก.ค.2564) นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2564 กกพ.มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 โดยให้เรียกเก็บที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดิม ในอัตรา 3.61 บาทต่อหน่วย ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2564 ตามแนวทางการพิจารณาที่จะเกลี่ยค่าเอฟทีให้คงที่ตลอดปี 2564 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เครดิต ฟรี มา ใหม่เว็บไซต์ การ พนัน ออนไลน์ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า ถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามภาวะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น หลังเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ภาคเศรษฐกิจของไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบาง และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ที่ยังคงรุนแรงและขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง การตรึงค่าเอฟทีจึงเป็นการประคับประคองเศรษฐกิจ และไม่เป็นการซ้ำเติมผู้ใช้ไฟฟ้าจากค่าเอฟที ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงปลายปี นายคมกฤช กล่าวว่า กกพ.พิจารณาแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับ 66.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และแนวโน้มการอ่อนตัวของค่าเงินบาทมาอยู่ในระดับ 31.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ในเดือน พ.ค.2564 ซึ่งมีผลโดยตรงต่อค่าเอฟทีในช่วงปลายปี หากพิจารณาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2565 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกแล้ว ประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะราคาพลังงานขาขึ้น ทำให้ค่าเอฟทีใน ปี 2565 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้น การบริหารค่าเอฟทีในปี 2565 จะเป็นไปในทิศทางเพื่อสร้างให้ค่าไฟฟ้ามีเสถียรภาพ มีความมั่นคง เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ ในการดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยั่งยืน สำหรับปัจจัยในการพิจารณาค่าเอฟทีในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 ประกอบด้วย 1.ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 เท่ากับประมาณ 64,510 ล้านหน่วย ปรับตัวลดลงจากประมาณการงวดก่อนหน้า (เดือน พ.ค.-ส.ค.2564) ที่คาดว่า จะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ 67,885 ล้านหน่วย หรือลดลงร้อยละ 4.97 2.สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 ยังคงใช้ก๊าชธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 53.90 ของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนี้ เป็นการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ (ลาวและมาเลเซีย) รวมร้อยละ 20.13 และค่าเชื้อเพลิงลิกไนต์ของ กฟผ.ร้อยละ 9.45 ถ่านหินนำเข้าโรงไฟฟ้าเอกชน ร้อยละ 7.43 และอื่น ๆ อีก ร้อยละ 6.90 3.ราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ใช้ในการคำนวณค่าเอฟทีเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการในเดือน พ.ค.-ส.ค.2564 โดยราคาเชื้อเพลิงก็ธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าและราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นจากประมาณในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.2564 โดยที่เชื้อเพลิงอื่น ๆ ปรับตัวลดลงและคงที่ ดังที่แสดงในตาราง 4.อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ใช้ในการประมาณการ (วันที่ 1-31 พ.ค.2564) เท่ากับ 31.30 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าจากประมาณการในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2564 ที่ประมาณการไว้ที่ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบและอัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าที่ประมาณการไว้ กกพ.จะยังคงสามารถใช้เงินบริหารที่เก็บไว้จำนวน 4,129 ล้านบาท ไปช่วยรักษาเสถียรภาพค่าเอฟทีในช่วงปลายปี 2564 ได้ ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ.จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ.ตั้งแต่วันที่ 9-19 ก.ค.2564 ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
วันนี้ (18 มี.ค.2567) น.สพ.ทวีโภค อังควานิช ผู้จัดการส่วนอนุรักษ์และบริบาลช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ อ
วันนี้ (9 ก.ค.2564) นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐา
วันนี้ (30 พ.ค.2568) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณ
วันนี้ (9 ก.ค.2564) นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2564 กกพ.มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 โดยให้เรียกเก็บที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดิม ในอัตรา 3.61 บาทต่อหน่วย ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2564 ตามแนวทางการพิจารณาที่จะเกลี่ยค่าเอฟทีให้คงที่ตลอดปี 2564 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เครดิต ฟรี มา ใหม่เว็บไซต์ การ พนัน ออนไลน์ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า ถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามภาวะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น หลังเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ภาคเศรษฐกิจของไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบาง และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ที่ยังคงรุนแรงและขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง การตรึงค่าเอฟทีจึงเป็นการประคับประคองเศรษฐกิจ และไม่เป็นการซ้ำเติมผู้ใช้ไฟฟ้าจากค่าเอฟที ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงปลายปี นายคมกฤช กล่าวว่า กกพ.พิจารณาแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับ 66.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และแนวโน้มการอ่อนตัวของค่าเงินบาทมาอยู่ในระดับ 31.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ในเดือน พ.ค.2564 ซึ่งมีผลโดยตรงต่อค่าเอฟทีในช่วงปลายปี หากพิจารณาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2565 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกแล้ว ประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะราคาพลังงานขาขึ้น ทำให้ค่าเอฟทีใน ปี 2565 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้น การบริหารค่าเอฟทีในปี 2565 จะเป็นไปในทิศทางเพื่อสร้างให้ค่าไฟฟ้ามีเสถียรภาพ มีความมั่นคง เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ ในการดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยั่งยืน สำหรับปัจจัยในการพิจารณาค่าเอฟทีในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 ประกอบด้วย 1.ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 เท่ากับประมาณ 64,510 ล้านหน่วย ปรับตัวลดลงจากประมาณการงวดก่อนหน้า (เดือน พ.ค.-ส.ค.2564) ที่คาดว่า จะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ 67,885 ล้านหน่วย หรือลดลงร้อยละ 4.97 2.สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 ยังคงใช้ก๊าชธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 53.90 ของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนี้ เป็นการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ (ลาวและมาเลเซีย) รวมร้อยละ 20.13 และค่าเชื้อเพลิงลิกไนต์ของ กฟผ.ร้อยละ 9.45 ถ่านหินนำเข้าโรงไฟฟ้าเอกชน ร้อยละ 7.43 และอื่น ๆ อีก ร้อยละ 6.90 3.ราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ใช้ในการคำนวณค่าเอฟทีเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการในเดือน พ.ค.-ส.ค.2564 โดยราคาเชื้อเพลิงก็ธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าและราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นจากประมาณในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.2564 โดยที่เชื้อเพลิงอื่น ๆ ปรับตัวลดลงและคงที่ ดังที่แสดงในตาราง 4.อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ใช้ในการประมาณการ (วันที่ 1-31 พ.ค.2564) เท่ากับ 31.30 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าจากประมาณการในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2564 ที่ประมาณการไว้ที่ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบและอัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าที่ประมาณการไว้ กกพ.จะยังคงสามารถใช้เงินบริหารที่เก็บไว้จำนวน 4,129 ล้านบาท ไปช่วยรักษาเสถียรภาพค่าเอฟทีในช่วงปลายปี 2564 ได้ ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ.จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ.ตั้งแต่วันที่ 9-19 ก.ค.2564 ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
วันนี้ ( 26 ม.ค.2568 ) พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อน