จากกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวงสาธารณสุข กำหนดวัตถุอื่นเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ.2564 โดยโปรแกรมสูตรรูเล็ต
วันนี้ (7 ส.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวานนี้ ( 6 สค. 67) เกิดเหตุไกด์นำเที่ยว จำนวน 2 คน ฝ่าฝืนลักลอบนำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 31 คน เข้าไปในถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของ
จากกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวงสาธารณสุข กำหนดวัตถุอื่นเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ.2564 โดยให้ผ้าอนามัยชนิดสอด เป็นเครื่องสำอาง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และ #ผ้าอนามัยไม่มีภาษี ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ โดยชาวโซเชียลแสดงความคิดเห็นว่า ผ้าอนามัยเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือนทุกคน ข้อสงสัยที่ชาวโซเชียลกล่าวถึงมากที่สุด คือ หากจัดผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอาง ราคาผ้าอนามัยดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะเดิมอัตราภาษีผ้าอนามัยธรรมดาอยู่ที่ร้อยละ 7 แต่เมื่อมีประกาศดังกล่าว อาจต้องเสียภาษีในฐานะเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย โดยมีอัตราภาษีอยู่ที่ ร้อยละ 30 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า วันนี้ (23 ก.ค.2564) ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข และรักษาการรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ตามที่กฎกระทรวงกําหนดให้ผ้าอนามัยชนิดสอดจัดเป็น เครื่องสําอาง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.2564 นั้น อย. ชี้แจงว่า ผ้าอนามัยทั้งแบบใช้ภายนอกและชนิดสอด ถูกจัดเป็นเครื่องสําอางตาม พ.ร.บ.เครื่องสําอาง มาโดยตลอด ซึ่งเป็นไปตามคํานิยามของเครื่องสําอางที่เป็นวัตถุที่มุ่งหมายสําหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทําด้วยวิธีอื่นใดต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายเพื่อความสะอาด ฯลฯ แต่เมื่อ พ.ร.บ.เครื่องสําอาง พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้ ได้กําหนดนิยามของเครื่องสําอางให้ใช้เฉพาะภายนอกร่างกาย จึงทําให้ผ้าอนามัยชนิดสอดไม่เข้าข่ายเป็นเครื่องสําอาง เนื่องจากมีการสอดเข้าไปในร่างกาย ไม่สอดคล้องกับคํานิยามดังกล่าว แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค กระทรวงสาธารณสุข โดย อย. จึงเห็นสมควรออกกฎกระทรวงให้ผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสําอางดังเดิม เพราะจะได้กํากับดูแลให้ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานความปลอดภัย ควบคุมการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ รวมทั้งมีการแสดงคําเตือนที่ฉลาก เพื่อให้ผู้บริโภคได้ศึกษาทําความเข้าใจก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ ผ้าอนามัยจัดเป็นสินค้าที่มีความจําเป็นในชีวิตประจําวัน เป็นรายการสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ จึงไม่มีการจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตราภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยตามที่เป็นข่าว มีเพียงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเหมือนสินค้าชนิดอื่น ๆ เท่านั้น ภญ.สุภัทรา กล่าวว่า สําหรับข้อควรระวังในการใช้ผ้าอนามัยชนิดสอดที่ผู้บริโภคควรให้ความใส่ใจ คือ ไม่ควรใช้เมื่อภาชนะบรรจุฉีกขาด ไม่ควรใส่ไว้ในช่องคลอดนานเกิน 8 ชั่วโมง โดยควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4-8 ชั่วโมง ขณะใช้ หากมีอาการเป็นไข้สูงเฉียบพลัน คลื่นเหียน อาเจียน วิงเวียน หน้ามืด ท้องเดิน หรือมีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง ให้นําผ้าอนามัยออก และรีบไปพบแพทย์ทันที ที่สําคัญการเลือกซื้อผ้าอนามัยชนิดสอด ควรซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ ผลิตภัณฑ์มีฉลากภาษาไทยแสดงข้อความอันจําเป็นครบถ้วน เช่น ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิตหรือผู้นําเข้า เลขที่ใบรับจดแจ้ง วันเดือนปีที่ผลิต วัสดุที่ใช้ วิธีใช้ คําเตือน เป็นต้น ผู้บริโภคควรอ่านฉลากให้ละเอียดโดยเฉพาะวิธีใช้ รวมทั้งปฏิบัติตามคําเตือนอย่างเคร่งครัด ขณะที่ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ผ้าอนามัย เป็นหนึ่งในรายการสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีการจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตราภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย หรือร้อยละ 30 ภาษีผ้าอนามัยจึงจะถูกจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามราคาของสินค้าเหมือนสินค้าชนิดอื่น ๆ สอดคล้องกับนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ยืนยันว่า ไม่มีนโยบายเพิ่มอัตราภาษีสินค้าผ้าอนามัยแบบสอด แต่หากมีการนำเข้า โดยใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ก็จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้า ด้านนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ยืนยันวโปรแกรมสูตรรูเล็ต่า ผ้าอนามัยเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 เท่านั้น ไม่ได้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เป็นสินค้าที่มีความจำเป็นที่ผู้หญิงต้องใช้ในชีวิตประจำวัน อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "ผ้าอนามัย" เป็นสินค้าควบคุม ยันไม่เก็บภาษี ชาติแรก! สกอตแลนด์ผ่านร่างกฎหมาย "ผ้าอนามัย" ฟรี
วสท.ชี้แล้งยาวนาน-ดินฐานรากอ่อน ทำถนนทรุด แนะท้องที่จับมือสำรวจชั้นดินก่อนสร้าง-ซ่อมถนน วิศวกรรมสถาน
โปรแกรมสูตรรูเล็ต -Pemprov Jakarta Tebus Ijazah 488 Siswa yang Tertahan di Sekolah
จากกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวงสาธารณสุข กำหนดวัตถุอื่นเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ.2564 โดยโปรแกรมสูตรรูเล็ต
วันนี้ (7 ส.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวานนี้ ( 6 สค. 67) เกิดเหตุไกด์นำเที่ยว จำนวน 2 คน ฝ่าฝืนลักลอบนำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 31 คน เข้าไปในถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของ
จากกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวงสาธารณสุข กำหนดวัตถุอื่นเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ.2564 โดยให้ผ้าอนามัยชนิดสอด เป็นเครื่องสำอาง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และ #ผ้าอนามัยไม่มีภาษี ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ โดยชาวโซเชียลแสดงความคิดเห็นว่า ผ้าอนามัยเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือนทุกคน ข้อสงสัยที่ชาวโซเชียลกล่าวถึงมากที่สุด คือ หากจัดผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอาง ราคาผ้าอนามัยดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะเดิมอัตราภาษีผ้าอนามัยธรรมดาอยู่ที่ร้อยละ 7 แต่เมื่อมีประกาศดังกล่าว อาจต้องเสียภาษีในฐานะเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย โดยมีอัตราภาษีอยู่ที่ ร้อยละ 30 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า วันนี้ (23 ก.ค.2564) ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข และรักษาการรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ตามที่กฎกระทรวงกําหนดให้ผ้าอนามัยชนิดสอดจัดเป็น เครื่องสําอาง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.2564 นั้น อย. ชี้แจงว่า ผ้าอนามัยทั้งแบบใช้ภายนอกและชนิดสอด ถูกจัดเป็นเครื่องสําอางตาม พ.ร.บ.เครื่องสําอาง มาโดยตลอด ซึ่งเป็นไปตามคํานิยามของเครื่องสําอางที่เป็นวัตถุที่มุ่งหมายสําหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทําด้วยวิธีอื่นใดต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายเพื่อความสะอาด ฯลฯ แต่เมื่อ พ.ร.บ.เครื่องสําอาง พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้ ได้กําหนดนิยามของเครื่องสําอางให้ใช้เฉพาะภายนอกร่างกาย จึงทําให้ผ้าอนามัยชนิดสอดไม่เข้าข่ายเป็นเครื่องสําอาง เนื่องจากมีการสอดเข้าไปในร่างกาย ไม่สอดคล้องกับคํานิยามดังกล่าว แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค กระทรวงสาธารณสุข โดย อย. จึงเห็นสมควรออกกฎกระทรวงให้ผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสําอางดังเดิม เพราะจะได้กํากับดูแลให้ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานความปลอดภัย ควบคุมการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ รวมทั้งมีการแสดงคําเตือนที่ฉลาก เพื่อให้ผู้บริโภคได้ศึกษาทําความเข้าใจก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ ผ้าอนามัยจัดเป็นสินค้าที่มีความจําเป็นในชีวิตประจําวัน เป็นรายการสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ จึงไม่มีการจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตราภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยตามที่เป็นข่าว มีเพียงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเหมือนสินค้าชนิดอื่น ๆ เท่านั้น ภญ.สุภัทรา กล่าวว่า สําหรับข้อควรระวังในการใช้ผ้าอนามัยชนิดสอดที่ผู้บริโภคควรให้ความใส่ใจ คือ ไม่ควรใช้เมื่อภาชนะบรรจุฉีกขาด ไม่ควรใส่ไว้ในช่องคลอดนานเกิน 8 ชั่วโมง โดยควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4-8 ชั่วโมง ขณะใช้ หากมีอาการเป็นไข้สูงเฉียบพลัน คลื่นเหียน อาเจียน วิงเวียน หน้ามืด ท้องเดิน หรือมีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง ให้นําผ้าอนามัยออก และรีบไปพบแพทย์ทันที ที่สําคัญการเลือกซื้อผ้าอนามัยชนิดสอด ควรซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ ผลิตภัณฑ์มีฉลากภาษาไทยแสดงข้อความอันจําเป็นครบถ้วน เช่น ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิตหรือผู้นําเข้า เลขที่ใบรับจดแจ้ง วันเดือนปีที่ผลิต วัสดุที่ใช้ วิธีใช้ คําเตือน เป็นต้น ผู้บริโภคควรอ่านฉลากให้ละเอียดโดยเฉพาะวิธีใช้ รวมทั้งปฏิบัติตามคําเตือนอย่างเคร่งครัด ขณะที่ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ผ้าอนามัย เป็นหนึ่งในรายการสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีการจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตราภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย หรือร้อยละ 30 ภาษีผ้าอนามัยจึงจะถูกจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามราคาของสินค้าเหมือนสินค้าชนิดอื่น ๆ สอดคล้องกับนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ยืนยันว่า ไม่มีนโยบายเพิ่มอัตราภาษีสินค้าผ้าอนามัยแบบสอด แต่หากมีการนำเข้า โดยใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ก็จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้า ด้านนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ยืนยันวโปรแกรมสูตรรูเล็ต่า ผ้าอนามัยเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 เท่านั้น ไม่ได้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เป็นสินค้าที่มีความจำเป็นที่ผู้หญิงต้องใช้ในชีวิตประจำวัน อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "ผ้าอนามัย" เป็นสินค้าควบคุม ยันไม่เก็บภาษี ชาติแรก! สกอตแลนด์ผ่านร่างกฎหมาย "ผ้าอนามัย" ฟรี
วสท.ชี้แล้งยาวนาน-ดินฐานรากอ่อน ทำถนนทรุด แนะท้องที่จับมือสำรวจชั้นดินก่อนสร้าง-ซ่อมถนน วิศวกรรมสถาน