Home
|
เล่น 918kiss ผ่าน เว็บ

วันนี้ (25 ต.ค.2567) นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบ

เล่น 918kiss ผ่าน เว็บ

วันนี้ (11 มี.ค.2565) สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) รายงานว่าข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) ขอ

อัปเดต 2568! บัตรทองอัปเกรดสิทธิ 30 บาทครอบคลุมทั่วไทย รู้ทัน 4 ระบบประกันสุขภาพไทย คุ้มครองอะไรบ้างในปี 2568 วันนี้ (19 ก.พ.2568) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีล

วันนี้ (17 ก.พ.2568) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)หรือสภาพัฒน์ฯ กล่าวว่า สภาพัฒน์ฯยังคงประมาณการจีดีพีปี 2568 ที่ 2.3 – 3.3 % หรือค่ากลาง 2.8 % สำหรับปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยปี 2568 คือ การเพิ่มขึ้นของรายจ่ายภาครัฐ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สศช. นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สศช. โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน การขยายตัเล่น 918kiss ผ่าน เว็บวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชนและการปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องรวมถึงการส่งออกในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ดี ขณะที่ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ ประกอบด้วยความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก เช่น นโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ความผันผวนภาคเกษตรจากสภาพอากาศที่ส่งผลต่อราคาผลผลิต เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ กล่าวอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้เพื่อให้ขยายตัวได้ถึง 3 % นั้นคงต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ ว่าจะทำให้เติบโตได้ขนาดไหน และต้องออกมาช่วงเวลาที่เหมาะสม และงบประมาณที่มีอยู่ โดยรัฐบาลมีงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการได้จำนวน 1.57 แสนล้านบาท สำหรับแนวทางการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในปี 2568 ควรให้ความสำคัญ เช่น การเตรียมการรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของประเทศคู่ค้า เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการกีดกันทางการค้า รวมถึงการเร่งรัดส่งเสริมการส่งออกสินค้าที่ไทยมีศักยภาพและคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้า ควบคู่ไปกับการเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และเตรียมศึกษาเพื่อเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญใหม่ ๆ และส่งเสริมให้ภาคธุรกิจบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก นอกจากนี้รัฐบาลต้องเร่งรัดส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนให้กลับมาขยายตัง และเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบของกิจการร่วมค้า (Joint venture) เพื่อสร้างโอกาสในการส่งเสริมการสร้างธุรกิจเกี่ยวเนื่องของไทยในช่วงของการย้ายฐานการลงทุนของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า รวมถึงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่มีฐานการผลิตขยายการผลิตในประเทศไทย การดึงดูดอุตสาหกรรมและบริการเป้าหมายให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะการปรับลดอุปสรรคด้านขั้นตอนกระบวนการ และข้อบังคับ/กฎหมายที่เกี่ยวข้อง การผลิตผ่านการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อนำไปสู่การผลิตสินค้าไทยที่มีศักยภาพและมีมูลค่าสูงขึ้นที่สามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาและมีมาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาด เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงินรายจ่ายภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนไม่ให้ต่ำกว่า 75% ของกรอบงบลงทุนรวม มุ่งเน้นการลงทุนในโครงการที่สำคัญ ทั้งโครงการลงทุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ รวมทั้งโครงการลงทุนด้านการจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อวางรากฐานปัจจัยการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการน้ำระดับพื้นที่ให้กระจายไปสู่ชุมชน และการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการเร่งรัดแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (PM2.5) อย่างจริงจังเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการรักษามาตรฐานความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว รวมถึงการเตรียมความพร้อมของปัจจัยแวดล้อมด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น สนามบิน/เที่ยวบิน กระบวนการตรวจคนเข้าเมือง โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งการบริหารจัดการพื้นที่และสิ่งแวดล้อม ส่วนจีดีพีไตรมาสที่ 4/2567 และภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 256 เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 4 ขยายตัวได้ 3.2% โดยการผลิต และค่าใช้จ่ายปรับตัวดีขึ้นทุกตัว โดยภาครัฐขยายตัวได้ 39.4% และการส่งออกสินค้าขยายตัวได้ 8.9% แต่การลงทุนภาคเอกชนยังติดลบ 2.1% สำหรับ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.0 อัตราเงินเฟ้อเฉลี่อยู่ที่ 0.4% และ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ 2.3 ของ GDP อ่านข่าว: “ทองคำ” โอกาสนักลงทุน บนวิกฤต “ทรัมป์ป่วน” เศรษฐกิจโลก อานิสงส์มาตรการรัฐ ดันดัชนีเชื่อมั่นฯปรับตัวสูงสุดรอบ 8 เดือน ท่องเที่ยวแผ่ว-หนี้ครัวเรือนพุ่ง เกียรตินาคินภัทร ชี้เศรษฐกิจไทยโตชะลอ

วันนี้ (30 พ.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้รัฐมนตรีว่าการก

วันนี้ (17 ก.พ.2568) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)หรือสภาพั

วันนี้ (4 ก.ค.2567) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1264/2566 ที่พนักงานอัยก

วันนี้ (17 ก.พ.2568) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)หรือสภาพัฒน์ฯ กล่าวว่า สภาพัฒน์ฯยังคงประมาณการจีดีพีปี 2568 ที่ 2.3 – 3.3 % หรือค่ากลาง 2.8 % สำหรับปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยปี 2568 คือ การเพิ่มขึ้นของรายจ่ายภาครัฐ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สศช. นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สศช. โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน การขยายตัเล่น 918kiss ผ่าน เว็บวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชนและการปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องรวมถึงการส่งออกในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ดี ขณะที่ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ ประกอบด้วยความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก เช่น นโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ความผันผวนภาคเกษตรจากสภาพอากาศที่ส่งผลต่อราคาผลผลิต เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ กล่าวอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้เพื่อให้ขยายตัวได้ถึง 3 % นั้นคงต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ ว่าจะทำให้เติบโตได้ขนาดไหน และต้องออกมาช่วงเวลาที่เหมาะสม และงบประมาณที่มีอยู่ โดยรัฐบาลมีงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการได้จำนวน 1.57 แสนล้านบาท สำหรับแนวทางการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในปี 2568 ควรให้ความสำคัญ เช่น การเตรียมการรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของประเทศคู่ค้า เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการกีดกันทางการค้า รวมถึงการเร่งรัดส่งเสริมการส่งออกสินค้าที่ไทยมีศักยภาพและคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้า ควบคู่ไปกับการเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และเตรียมศึกษาเพื่อเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญใหม่ ๆ และส่งเสริมให้ภาคธุรกิจบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก นอกจากนี้รัฐบาลต้องเร่งรัดส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนให้กลับมาขยายตัง และเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบของกิจการร่วมค้า (Joint venture) เพื่อสร้างโอกาสในการส่งเสริมการสร้างธุรกิจเกี่ยวเนื่องของไทยในช่วงของการย้ายฐานการลงทุนของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า รวมถึงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่มีฐานการผลิตขยายการผลิตในประเทศไทย การดึงดูดอุตสาหกรรมและบริการเป้าหมายให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะการปรับลดอุปสรรคด้านขั้นตอนกระบวนการ และข้อบังคับ/กฎหมายที่เกี่ยวข้อง การผลิตผ่านการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อนำไปสู่การผลิตสินค้าไทยที่มีศักยภาพและมีมูลค่าสูงขึ้นที่สามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาและมีมาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาด เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงินรายจ่ายภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนไม่ให้ต่ำกว่า 75% ของกรอบงบลงทุนรวม มุ่งเน้นการลงทุนในโครงการที่สำคัญ ทั้งโครงการลงทุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ รวมทั้งโครงการลงทุนด้านการจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อวางรากฐานปัจจัยการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการน้ำระดับพื้นที่ให้กระจายไปสู่ชุมชน และการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการเร่งรัดแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (PM2.5) อย่างจริงจังเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการรักษามาตรฐานความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว รวมถึงการเตรียมความพร้อมของปัจจัยแวดล้อมด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น สนามบิน/เที่ยวบิน กระบวนการตรวจคนเข้าเมือง โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งการบริหารจัดการพื้นที่และสิ่งแวดล้อม ส่วนจีดีพีไตรมาสที่ 4/2567 และภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 256 เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 4 ขยายตัวได้ 3.2% โดยการผลิต และค่าใช้จ่ายปรับตัวดีขึ้นทุกตัว โดยภาครัฐขยายตัวได้ 39.4% และการส่งออกสินค้าขยายตัวได้ 8.9% แต่การลงทุนภาคเอกชนยังติดลบ 2.1% สำหรับ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.0 อัตราเงินเฟ้อเฉลี่อยู่ที่ 0.4% และ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ 2.3 ของ GDP อ่านข่าว: “ทองคำ” โอกาสนักลงทุน บนวิกฤต “ทรัมป์ป่วน” เศรษฐกิจโลก อานิสงส์มาตรการรัฐ ดันดัชนีเชื่อมั่นฯปรับตัวสูงสุดรอบ 8 เดือน ท่องเที่ยวแผ่ว-หนี้ครัวเรือนพุ่ง เกียรตินาคินภัทร ชี้เศรษฐกิจไทยโตชะลอ

วันนี้ (15 มิ.ย.2567) เป็นวันสุดท้ายของปฏิบัติการจับลิงเมืองลพบุรี ระยะแรก โดยจะหยุดจับลิงชั่วคราว เ