วันนี้ (18 ก.ย.2566) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงวาระของกระทรวคนไทย กับการพนัน
"โรงเรียนต้องเปลี่ยนระบบการเรียนแบบอาหารจานเดียวเคี้ยวทั้งโรง" เมื่อระบบการเรียนการสอนของไทยยังเป็นเหมือนอาหารกลางวัน ไม่ได้พัฒนาตามศักยภาพและความถนัดของเด็กแต่ละคน เปรียบเทียบในทุก ๆ วันจะต้องมีเด็กท
นับแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ปี 2552 ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนถึงเหตุการณ์รัฐประหาร 2557 ในฐานะประธานที่ปรึกษา คสช. เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงกลาโหม ถือเป็นช่วงเวลาพีคสุด ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ"ลุงป้อม" ที่แผ่อำนาจและมากมีบารมี แม้จะมีบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และร่วมหัวจมท้ายกับรัฐนาวา พล.อ.ประยุทธ์ หรือ "ลุงตู่" นานถึง 8 ปี พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เคยเขียนจดหมาย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ภาพจำและความถนัด คือเมื่อถูกซักถามจากสื่อคือ คำตอบที่ว่า "ไม่รู้ ไม่ทราบ" แต่หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศแยกวง และไปสมัครเป็นสมาชิคนไทย กับการพนันกพรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค แถมยังพาลูกพรรคฯส่วนหนึ่งจากพรรคพลังประชารัฐ ย้ายตามไปด้วย ไม่นาน ฝั่ง"ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเกมกันตัวเองออกมาจากการเป็นหุ้นส่วน หรือสมรู้ร่วมคิดหลายเรื่องกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเขียนจดหมายเปิดใจฉบับแรกสื่อสารกับสังคม มีหลายถ้อยความสำคัญที่ต้องขีดเส้นใต้ระหว่างบรรทัด คือ "คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเมือง เพราะเป็นทหารอาชีพมาทั้งชีวิต" และ..."ตัดสินใจตั้งพรรคพลังประชารัฐเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ให้กลับมาเป็นนายกฯตามที่เจ้าตัวปรารถนา" จากนั้น จดหมายเปิดใจได้ทยอยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กต่อเป็นตอนๆ ทั้งเรื่องทำไมต้อง "ก้าวผ่านความขัดแย้ง" ตามด้วย "จิตวิญญาณในความจงรักภักดี " และ "ก้าวสู่วิถีประชาธิปไตย" อีก 2 บท เบ็ดเสร็จรวม 5 ฉบับ พล.อ.ประวิตร เคยออกตัวในจดหมายว่าเป็นคนพูดน้อย พูดไม่เก่ง แต่ย้ำชัดไม่เกี่ยวข้องเหตุการณ์รัฐประหาร และร่ายยาวในจดหมายฉบับต่อๆมาว่า "อนุรักษ์นิยมและเสรีนิยม" คือ กับดัก..."และฝ่ายอำนาจนิยม ไม่มีทางชนะฝ่ายประชาธิปไตย การกล่าวถึง "อำนาจพิเศษ และชนชั้นอีลิท" ส่อนัยให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร พร้อมจะสลัดขั้วเข้ากับฝ่ายเสรีประชาธิปไตย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อประสานให้คนในระบอบประชาธิปไตยเข้าไปมีส่วนร่วมในการนำพาประเทศ อย่างจริงจัง และย้ำว่า "ผมทำได้และทำได้ดีกว่าใคร" จดหมายน้อยของ"บิ๊กป้อม" จึงมีอะไรมากกว่า "การชิ่งหนี" ให้พ้นจากวงจรอำนาจพิเศษ
วันนี้ (13 ก.พ.2566) นายกิตติ โฆษะวิสุทธิ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัย
คนไทย กับการพนัน -ราคา ไม้ วู้ ด บอล, บอล สด ยูโร วัน นี้, ผล หวย ลาว เมื่อ คืน
วันนี้ (18 ก.ย.2566) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงวาระของกระทรวคนไทย กับการพนัน
"โรงเรียนต้องเปลี่ยนระบบการเรียนแบบอาหารจานเดียวเคี้ยวทั้งโรง" เมื่อระบบการเรียนการสอนของไทยยังเป็นเหมือนอาหารกลางวัน ไม่ได้พัฒนาตามศักยภาพและความถนัดของเด็กแต่ละคน เปรียบเทียบในทุก ๆ วันจะต้องมีเด็กท
นับแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ปี 2552 ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนถึงเหตุการณ์รัฐประหาร 2557 ในฐานะประธานที่ปรึกษา คสช. เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงกลาโหม ถือเป็นช่วงเวลาพีคสุด ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ"ลุงป้อม" ที่แผ่อำนาจและมากมีบารมี แม้จะมีบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และร่วมหัวจมท้ายกับรัฐนาวา พล.อ.ประยุทธ์ หรือ "ลุงตู่" นานถึง 8 ปี พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เคยเขียนจดหมาย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ภาพจำและความถนัด คือเมื่อถูกซักถามจากสื่อคือ คำตอบที่ว่า "ไม่รู้ ไม่ทราบ" แต่หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศแยกวง และไปสมัครเป็นสมาชิคนไทย กับการพนันกพรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค แถมยังพาลูกพรรคฯส่วนหนึ่งจากพรรคพลังประชารัฐ ย้ายตามไปด้วย ไม่นาน ฝั่ง"ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเกมกันตัวเองออกมาจากการเป็นหุ้นส่วน หรือสมรู้ร่วมคิดหลายเรื่องกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเขียนจดหมายเปิดใจฉบับแรกสื่อสารกับสังคม มีหลายถ้อยความสำคัญที่ต้องขีดเส้นใต้ระหว่างบรรทัด คือ "คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเมือง เพราะเป็นทหารอาชีพมาทั้งชีวิต" และ..."ตัดสินใจตั้งพรรคพลังประชารัฐเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ให้กลับมาเป็นนายกฯตามที่เจ้าตัวปรารถนา" จากนั้น จดหมายเปิดใจได้ทยอยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กต่อเป็นตอนๆ ทั้งเรื่องทำไมต้อง "ก้าวผ่านความขัดแย้ง" ตามด้วย "จิตวิญญาณในความจงรักภักดี " และ "ก้าวสู่วิถีประชาธิปไตย" อีก 2 บท เบ็ดเสร็จรวม 5 ฉบับ พล.อ.ประวิตร เคยออกตัวในจดหมายว่าเป็นคนพูดน้อย พูดไม่เก่ง แต่ย้ำชัดไม่เกี่ยวข้องเหตุการณ์รัฐประหาร และร่ายยาวในจดหมายฉบับต่อๆมาว่า "อนุรักษ์นิยมและเสรีนิยม" คือ กับดัก..."และฝ่ายอำนาจนิยม ไม่มีทางชนะฝ่ายประชาธิปไตย การกล่าวถึง "อำนาจพิเศษ และชนชั้นอีลิท" ส่อนัยให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร พร้อมจะสลัดขั้วเข้ากับฝ่ายเสรีประชาธิปไตย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อประสานให้คนในระบอบประชาธิปไตยเข้าไปมีส่วนร่วมในการนำพาประเทศ อย่างจริงจัง และย้ำว่า "ผมทำได้และทำได้ดีกว่าใคร" จดหมายน้อยของ"บิ๊กป้อม" จึงมีอะไรมากกว่า "การชิ่งหนี" ให้พ้นจากวงจรอำนาจพิเศษ
วันนี้ (13 ก.พ.2566) นายกิตติ โฆษะวิสุทธิ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัย