วันนี้(16 เม.ย.2564) กระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศส เปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 เพิ่มขึ้นอีกประม

เมื่อวานนี้ (12 พ.ย.256🎶6) "นายกฯ นิด"  เศรษฐา ทวีสิน มีกำหนดการเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 12-19 พ.ย.2566 ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป้าหมายนอกจากการประชุม นายกฯนิด "เศรษฐา " ยังมีกำหนดการเจรจากับบุคคลต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคเอกชน ผู้บริหารธุรกิจ เช่น สาขายานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ดิจิทัล ธุรกิจค้าปลีก และการเงินและการธนาคาร เพื่อดึงดูดสนับสนุนการค้าการลงทุนในไทย ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับการดำรงชีวิตประชาชน นายกฯนิด "เศรษฐา" ให้สัมภาษณ์บนเครื่องบินระหว่างการเดินทางว่า "จะเชิญชวนนักลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ เมื่อโครงการนี้เกิดขึ้น จะเกิดอุตสาหกรรมใหม่ และจะขยายเป็นฐานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะภาคการเกษตร แต่จะมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเกิดขึ้นด้วย ซึ่งจะยกระดับรายได้ประชาชน และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น" นอกจากนี้ นายกรั🐼ฐมนตรี "เศรษฐา" ยังบอกอีกว่า ทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ ได้แจ้งความคืบหน้าของโครงการนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และยังเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ตัดสินใจวางแผนอนาคต แม้โครงการยังไม่เกิดขึ้นทันที เพราะต้องใช้เวลานาน "เชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะเล็งเห็นโอกาส จากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และอาจจะตัดสินใจไม่ย้ายประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องสร้างแรงบันดาลใจ เพราะประเทศเราต้องดีขึ้น หากเรามีเขตอุตสาหกรรม ที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ และคนไทยมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่จะร่วมกันพัฒนา ก็จะเป็นจุดศูนย์กลางที่จะหล่อหลอมให้สังคมดีขึ้นได้" โดยข้อเสนอที่จะจูงใจให้นักลงทุน เลือกมาลงทุนในโครงการนี้ก็คือ มาตรการทางภาษี, พลังงานสะอาด, การบริหารจัดการน้ำในภาคอุตสาหกรรม, ศูนย์กลางการบิน, รถไฟความเร็วสูง, ท่าเรือแหลมฉบังสำหรับโลจิสติกส์ และแลนด์บริดจ์ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ขณะที่รัฐบาลเพื่อไทยอยู่ระหว่างการเดินหน้าสานต่อนโยบาย แต่อีกด้านก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากภาคประชาสังคมและชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว เนื่องจาก"อยู่ในพื้นที่" และ "เป็นคนในพื้นที่"ในจ.ชุมพร-ระนอง ซึ่งการทักท้วงได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้เริ่มประกาศว่านโยบายจะทำโครงการดังกล่าวนี้ ล่าสุดมีการเผยแพร่เอกสาร ที่นักวิชาการ นักสิ่งแวดล้อม และประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ร่วมกันทำขึ้นชื่อว่า "4 เหตุผลที่ต้องคัดค้านแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง" เอกสารระบุ 4 ข้อ เหมือนกับ 4 เหตุผลที่กล่าวมา 1.โครงการไม่คุ้มค่า ไม่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ต้องสูญเสียเงินภาษี และเป็นหนี้ต่างชาติ โครงการนี้ใช้งบประมาณสูงถึง 1 ล้านล้านบาท โดยร่วมทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน นักเดินเรือและนักวิชาการหลายคนระบุว่า การขนส่งโดยใช้เส้นทางแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่า และใช้เวลานานกว่า การเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกา เนื่องจากต้องใช้เวลาในการยกตู้คอนเทนเนอร์จากเรือขึ้นรถไฟ และจากรถไฟลงเรือ อีกทั้งแนวโน้มการขนส่งทางเรือจะลดลง เปลี่ยนไปขนส่งทางรถไฟแทน โดยจีนจะสร้างเส้นทาง One Belt One Road ทั้งถนน รถไฟ ไปสหภาพยุโรป เอเชียกลาง อินเดีย ปากีสถาน ลดการขนส่งผ่านช่องแคบต่าง ๆ จึงไม่มีแรงจูงใจให้มาใช้เส้นทางแลนด์บริดจ์ 2.พื้นที่ไม่เหมาะสม ส่งผลกระทบต่อประชาชน และสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล รูปแบบโคมาเฟีย 44 สล็อตรงการแลนด์บริดจ์ หรือสะพานเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 1.ส่วนหัว ได้แก่ ท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ทุ่นเทียบ/ ส่งน้ำมันดิบในทะเลทั้ง 2 ฝั่ง พื้นที่อุตสาหกรรมหลังท่า ถังสำรองน้ำมันดิบ 2.ส่วนตัว หรือระบบคมนาคมเชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 ฝั่ง ได้แก่ มอเตอร์เวย์ รถไฟรางคู่ ระบบท่อส่งน้ำมัน พื้นที่อุตสาหกรรม ทางคู่ขนานสำหรับการใช้ประโยชน์ของประชาชน การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แยกเป็น 4 โครงการย่อย 3 หน่วยงาน เอกสารประกอบการประชุม ครั้งที่ 1 ระบุถึงพื้นที่ศึกษาของโครงการ ดังนี้ 1) ท่าเรือน้ำลึกชุมพร บริเวณแหลมริ่ว ต.บางน้ำจืด ต.ปากน🎼้ำ อ.หลังสวน และ ต.ปากตะโก อ.ทุ่งตะโก มีชุมชนร🍿อบพื้นที่ตั้งโครงการ 5 กม. 18 ชุมชน มีพื้นที่อนุรักษ์ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติฯ พื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่ง ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ ชั้นที่ 2 พื้นที่ป่าชายเลนตามมติ ครม. แหล่งปะการัง แหล่งปะการังเทียม พื้นที่ถมทะเลมีขนาดประมาณ 5,808 ไร่ หน้าท่าเทียบเรือยาว 7.58 กม. เขื่อนกันคลื่น 2 แนว มีความยาว 5.4 กม. และ 685 เมตร ขุดร่องน้ำเดินเรือ ยาว 8.7 กม. ที่ความลึกของน้ำ 17 ม. 2) ท่าเรือน้ำลึกระนอง บริเวณแหลมอ่าวอ่าง ต.ราชกรูด ต.เกาะพยาม อ.เมือง ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ มีชุมชนรอบพื้นที่ตั้งโครงการรัศมี 5 กม. 6 ชุมชน มีพื้นที่อนุรักษ์ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติฯ 2 แห่ง พื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่ง 2 แห่ง พื้นที่แรมซาร์ไซด์ พื้นที่ป่าชายเลนตามมติ ครม. ป่าสงวนแห่งชาติ แหล่งปะการัง แหล่งปะการังเทียม แหล่งหญ้าทะเล พื้นที่ถมทะเลมีขนาดประมาณ 6,975 ไร่ หน้าท่าเทียบเรือยาว 9.35 กม. เขื่อนกันคลื่น 3 แนว มีความยาว 3.12 กม. 340 ม. และ 290 เมตร ขุดร่องน้ำเดินเรือ ยาว 11.5 กม. ที่ความลึกน้ำ 19 เมตร การถมทะเลทั้ง 2 ฝั่ง ใช้แหล่งหิน 5 แหล่งใน จ.ชุมพร ได้แก่ เขาวง ต.ทุ่งระยะ อ.สวี เขาหอยโข่ง ต.ขุนกระทิง อเมือง เขาตะแคง ต.สะพลี อ.ปะทิว บจก.สมบูรณ์ศิลาทอง ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ เขาสันกำแพง ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ 3) โครงการก่อสร้างทางรถไฟ ช่วงชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง มีระยะทางประมาณ 90 กม. อยู่ในพื้นที่ 9 ตำบล 3 อำเภอ ของ จ.ชุมพร และ ระนอง ได้แก่ ต.บางน้ำจืด ต.นาขา ต.วังตะกอ ต.หาดยาย อ.หลังสวน ต.ปังหวาน ต.พระรักษ์ ต.พะโต๊ะ ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร และ ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง สภาพพื้นที่เป็นที่ราบ ภูเขา และป่าชายเลน มีการก่อสร้างอุโมงค์รถยนต์ และอุโมงค์รถไฟ จำนวน 3 จุด ในช่วงที่ผ่านพื้นที่ภูเขา ทางวิ่งยกระดับข้ามถนน แม่น้ำสายหลัก และหุบเขา 4) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ยังไม่ปรากฎข้อมูลโครงการประชาชนส่วนใหญ่ในจ.ชุมพรและระนอง เลี้ยงชีพด้วยการทำเกษตร ประมง และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดชุมพร ซึ่งมีรายได้ต่อหัว (2563) สูงถึง 250,823 บาทต่อปี หรือ 20,902 บาทต่อเดือน ประชาชนมีรายได้หลักจากเกษตรกรรมถึง 55 % ภาคเกษตรเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัด มีพืชเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ทุเรียน ปาล์มน้ำมัน กาแฟ จังหวัดชุมพรเป็นแหล่งปลูกทุเรียนอันดับ 2 ของประเทศ มีเนื้อที่ราว 3 แสนไร่ มีผลผลิตราว 3.4 แสนตันต่อปี มูลค่าราว 5-6 หมื่นล้านบาท โดยพื้นที่ปลูกทุเรียน 1 ใน 4 อยู่ในพื้นที่ อ.พะโต๊ะ และ อ.หลังสวน โครงการนี้จึงต้องแลกกับต้นทุนเศรษฐกิจฐานราก ต้นทุนชุมชน ทั้งพื้นที่ทำกิน แหล่งผลิตอาหาร ประชาชนในพื้นที่ต้องสูญเสียอาชีพดั้งเดิม ประชาชนในพื้นที่โดยส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ หากถูกบังคับให้โยกย้ายจะได้รับค่าชดเชยที่ไม่เป็นธรรม อีกทั้งต้องแลกกับต้นทุนทางธรรมชาติ ฐานทรัพยากร แหล่งท่องเที่ยว จะเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างชุมชนดั้งเดิมกับภาคอุตสาหกรรม ซ้ำเติมประชาชนที่เปราะบาง เช่น ชาติพันธุ์ คนไทยพลัดถิ่น นอกจากนั้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติจากพื้นที่รอยเลื่อน และการกัดเซาะชายหาดอย่างรุนแรง และมีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการก่อสร้างและการดำเนินการโครงการ ทั้งทางบกและทางทะเล ทั้งนี้ อาจพลาดโอกาสขึ้นทะเบียนมรดกโลกอันดามัน เนื่องจากที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึกระนองอยู่ใกล้พื้นที่เตรียมประกาศมรดกโลก อีกทั้งอยู่ใกล้พื้นที่สงวนชีวมณฑลโลก 3.ที่มาของโครงการ กระบวนการดำเนินโครงการไม่โปร่งใส ไม่มีธรรมาภิบาล ประชาชนไม่มีส่วนร่วม ไม่ตอบโจทย์การพัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ โครงการนี้ไม่ได้เกิดจากกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนมาตั้งแต่ต้น และมีการดำเนินการแบบเร่งรัด ลัดขั้นตอน นอกจากนั้นไม่ได้ให้ข้อมูลเชื่อมโยงภาพรวมทั้งหมดของโครงการ ให้ข้อมูลโครงการเฉพาะด้าน🎃ดี ไม่ได้ให้ข้อมูลผลกระทบเชิงลบของโครงการ และขาดการให้ข้อมูลคุณค่าและมูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติและเศรษฐกิจ ที่ต้องสูญเสียจากการเข้ามาของโครงการ 4.เป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ซึ่งกลุ่มการเมืองกำลังผลักดันกฎหมาย ที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวบอำนาจและให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุน จะว่าไปโครงการนี้นับว่าใหญ่โตมหาศาล และใช้งบประมาณมากมาย หากอ่านย้อนไปตอนต้น ท่านนายกฯ ไปประชุมเอเปคคราวนี้ ก็ได้ขายโครงการนี้กับบรรดาผู้นำ และนักธุรกิจทั่วโลก นั่นหมายถึง “ต้องเกิดขึ้🐨นจริง” อย่างแน่นอน ว่าแต่กลับมีคำถาม และข้อกังขาคาใจในประเด็นที่ "คนพื้นที่เขาไม่เอาจะว่าอย่างไร "จะรวบหัวรวบหางเหมือนเมื่อก่อนได้หรือ จึงได้แต่หวังว่า "นายกฯ เศรษฐา" จะไม่สร้างบาดแผลให้คนชุมพร-ระนอง และเดินตามรอย "อดีตนายกฯ ทักษิณ" ที่คนบ่อนอก-บ้านกรูด จ.ประจวบฯ ยังไม่ลืมจนวันนี้ ที่ "อดีตนายกฯทักษิณ” ฟังเสียงชาวบ้าน "หยุดโรงไฟฟ้า" ถึง 2 แห่งในคราวเดียวกัน

วันนี้ (19 ก.พ.2567) นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เปิดเผยถึงการประชุมครั้งที่ผ่านมาว่า ได้รับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะจาก

เมื่อวานนี้ (12 พ.ย.2566) "นายกฯ นิด"  เศรษฐา ทวีสิน มีกำหนดการเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอ

นิยายชีวิต โดย : Indira Rezkisari
เรื่องและภาพโดย : Indira Rezkisari
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..