วันนี้ (30 มี.ค.2565) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นาย

ทุก ๆ ปีในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูกาลแห่งทุเรียน ผลไม้ที่ได้รับฉายาว่า "ราชาแห่งผลไม้" (King of Fruits) ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ เนื้อเนียนนุ่ม และรสชาติหวานมันที่ชวนหลงใหล โดยเฉพ
ไอโอซี เตรียมสอบสวนข่าวสินบนแข่งมวยโอลิมปิก คณะกรรมการโอลิมปิกสากล เตรียมสอบสวนกรณีที่สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่ามีการรับเงินสินบนของไอบ้า ในการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นเพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์ ที่กำลั
ทุก ๆ ปีในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูกาลแห่งทุเรียน ผลไม้ที่ได้รับฉายาว่า "ราชาแห่งผลไม้" (King of Fruits) ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ เนื้อเนียนนุ่ม และรสชาติหวานมันที่ชวนหลงใหล โดยเฉพาะพันธุ์ยอดนิยมอย่าง ทุเรียนไม่เพียงเป็นที่รักของคนไทย แต่ยังครองใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะในจีน ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง ที่ยอมจ่ายในราคาสูงเพื่อลิ้มรสความอร่อยนี้ อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังความน่ารื่นรมย์ของทุเรียนนั้นซ่อนข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากบริโภคอย่างไม่ระวัง ราชาผลไม้นี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คิด ตามข้อมูลจาก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ทุเรียน 100 กรัม หรือประมาณ 2 เม็ดขนาดกลาง ให้พลังงานสูงถึง 150–180 กิโลแคลอรี ซึ่งเทียบเท่ากับข้าsuperslot โปรวขาว 1 ทัพพี หรือหมูปิ้ง 2 ไม้เลยทีเดียว นอกจากนี้ ทุเรียนยังมีปริมาณไขมันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fats) ที่พบในปริมาณ 5–13 กรัม / 100 กรัม ซึ่งแม้จะเป็นไขมันดีที่ช่วยบำรุงหัวใจ แต่หากกินมากเกินไปหรือต่อเนื่องนาน ๆ อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน และ โรคหลอดเลือดหัวใจ ที่น่าจับตามากกว่านั้นคือ ปริมาณน้ำตาล ในทุเรียน ซึ่งสูงถึง 20–30 กรัม / 100 กรัม มากกว่าผลไม้ทั่วไปอย่างกล้วยหอม (ประมาณ 12–15 กรัม) มะม่วงสุก (13–15 กรัม) หรือส้ม (8–10 กรัม) ความหวานจากน้ำตาลธรรมชาตินี้ทำให้ทุเรียนกลายเป็นผลไม้ที่ต้องระวังสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหากกินตอนท้องว่างหรือกินคู่กับอาหารคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ข้าวเหนียวหรือน้ำอัดลม ซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมในช่วงฤดูกาลทุเรียน ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว ในมุมมองของ แพทย์แผนไทย ทุเรียนจัดเป็นอาหารที่มี "ธาตุร้อน" ซึ่งหมายถึงอาหารที่เมื่อกินเข้าไปแล้วอาจทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสะสม หากบริโภคในปริมาณมากหรือบ่อยครั้งเกินไป อาจนำไปสู่อาการเสียสมดุล เช่น ร้อนใน (แผลในปาก) เจ็บคอ อ่อนเพลีย หรือมีไข้ต่ำ ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยจึงแนะนำให้จับคู่ทุเรียนกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่มี "ฤทธิ์เย็น" เพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกาย เช่น นอกจากนี้ การกินมังคุดคู่กับทุเรียน ยังมีประโยชน์ในแง่โภชนาการ เพราะมังคุดอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) และ วิตามินซี ซึ่งช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว หนึ่งในความเชื่อที่ฝังรากลึกในสังคมไทย คือ การกินทุเรียนพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้เสียชีวิตได้ ความเชื่อนี้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางจนกลายเป็นคำเตือนในหมู่คนรักทุเรียน อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาของ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2563 พบว่า ทุเรียนมี สารกำมะถัน (Sulfur compounds) ในปริมาณสูง ซึ่งสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในตับที่ชื่อ ALDH (Aldehyde Dehydrogenase) ซึ่งมีหน้าที่สลายแอลกอฮอล์ในร่างกาย ผลจากสารกำมะถันนี้ทำให้ร่างกายสลายแอลกอฮอล์ได้ช้าลง ส่งผลให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงขึ้นกว่าปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการมึนเมา ความดันโลหิตสูง หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ หรือ โรคหัวใจ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น หมดสติ หรือ ช็อก ได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าการกินทุเรียนกับแอลกอฮอล์ทำให้เสียชีวิตทันที ในคนที่มีสุขภาพปกติ แต่เพื่อความปลอดภัย แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงการบริโภคทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน โดยควรรออย่างน้อย 4–6 ชั่วโมงหลังดื่มแอลกอฮอล์ก่อนกินทุเรียน ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว เพื่อให้การกินทุเรียนในช่วงฤดูกาลนี้ทั้งอร่อยและปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจาก สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และ สมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย มีคำแนะนำดังนี้ ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว นอกจากความอร่อย "ทุเรียน" ยังมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย ในช่วงฤดูกาลทุเรียน ตลาดผลไม้ทั่วประเทศจะคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีชื่อเสียงด้านการปลูกทุเรียน เช่น จันทบุรี ระยอง และ ชุมพร ซึ่งเป็นแหล่งผลิตทุเรียนคุณภาพสูงเพื่อส่งออก ตามข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในปี 2567 ประเทศไทยส่งออกทุเรียนมูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท โดยจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของการส่งออกทั้งหมด ในแง่วัฒนธรรม ทุเรียนมักถูกนำมาใช้ในงานเทศกาลและประเพณี เช่น งาน เทศกาลทุเรียนจันทบุรี ที่จัดขึ้นทุกปีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเกษตรกรรม นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนานวัตกรรมจากทุเรียน เช่น ขนมทุเรียนอบแห้ง ไอศกรีมทุเรียน หรือแม้แต่กาแฟผสมกลิ่นทุเรียน ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและคนรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม การบริโภคทุเรียนอย่างยั่งยืนก็เป็นประเด็นที่เริ่มได้รับความสนใจ เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้นทำให้มีการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกสวนทุเรียนในบางพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เกษตรกรและผู้บริโภคจึงถูกกระตุ้นให้สนับสนุนทุเรียนจากแหล่งปลูกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น สวนที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP อ่านข่าวอื่น : เร่งช่วย "ช้างป่ากุยบุรี" ขาหลังซ้ายบวม กกต.เปิดแจ้งเบาะแสทุจริต "เลือกตั้งเทศบาล" รางวัลสูงสุด 1 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมการตุลาการศาลยุ
วันนี้ (22 ก.ค.2564) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แถลงถึงแ
วันนี้ (20 พ.ย.2566) นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เดินทางมาศาลอาญาตามนัด โดยวันนี้ เป็นนัดตรวจพย
ทุก ๆ ปีในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูกาลแห่งทุเรียน ผลไม้ที่ได้รับฉายาว่า "ราชาแห่งผลไม้" (King of Fruits) ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ เนื้อเนียนนุ่ม และรสชาติหวานมันที่ชวนหลงใหล โดยเฉพาะพันธุ์ยอดนิยมอย่าง ทุเรียนไม่เพียงเป็นที่รักของคนไทย แต่ยังครองใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะในจีน ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง ที่ยอมจ่ายในราคาสูงเพื่อลิ้มรสความอร่อยนี้ อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังความน่ารื่นรมย์ของทุเรียนนั้นซ่อนข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากบริโภคอย่างไม่ระวัง ราชาผลไม้นี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คิด ตามข้อมูลจาก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ทุเรียน 100 กรัม หรือประมาณ 2 เม็ดขนาดกลาง ให้พลังงานสูงถึง 150–180 กิโลแคลอรี ซึ่งเทียบเท่ากับข้าsuperslot โปรวขาว 1 ทัพพี หรือหมูปิ้ง 2 ไม้เลยทีเดียว นอกจากนี้ ทุเรียนยังมีปริมาณไขมันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fats) ที่พบในปริมาณ 5–13 กรัม / 100 กรัม ซึ่งแม้จะเป็นไขมันดีที่ช่วยบำรุงหัวใจ แต่หากกินมากเกินไปหรือต่อเนื่องนาน ๆ อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน และ โรคหลอดเลือดหัวใจ ที่น่าจับตามากกว่านั้นคือ ปริมาณน้ำตาล ในทุเรียน ซึ่งสูงถึง 20–30 กรัม / 100 กรัม มากกว่าผลไม้ทั่วไปอย่างกล้วยหอม (ประมาณ 12–15 กรัม) มะม่วงสุก (13–15 กรัม) หรือส้ม (8–10 กรัม) ความหวานจากน้ำตาลธรรมชาตินี้ทำให้ทุเรียนกลายเป็นผลไม้ที่ต้องระวังสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหากกินตอนท้องว่างหรือกินคู่กับอาหารคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ข้าวเหนียวหรือน้ำอัดลม ซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมในช่วงฤดูกาลทุเรียน ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว ในมุมมองของ แพทย์แผนไทย ทุเรียนจัดเป็นอาหารที่มี "ธาตุร้อน" ซึ่งหมายถึงอาหารที่เมื่อกินเข้าไปแล้วอาจทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสะสม หากบริโภคในปริมาณมากหรือบ่อยครั้งเกินไป อาจนำไปสู่อาการเสียสมดุล เช่น ร้อนใน (แผลในปาก) เจ็บคอ อ่อนเพลีย หรือมีไข้ต่ำ ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยจึงแนะนำให้จับคู่ทุเรียนกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่มี "ฤทธิ์เย็น" เพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกาย เช่น นอกจากนี้ การกินมังคุดคู่กับทุเรียน ยังมีประโยชน์ในแง่โภชนาการ เพราะมังคุดอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) และ วิตามินซี ซึ่งช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว หนึ่งในความเชื่อที่ฝังรากลึกในสังคมไทย คือ การกินทุเรียนพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้เสียชีวิตได้ ความเชื่อนี้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางจนกลายเป็นคำเตือนในหมู่คนรักทุเรียน อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาของ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2563 พบว่า ทุเรียนมี สารกำมะถัน (Sulfur compounds) ในปริมาณสูง ซึ่งสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในตับที่ชื่อ ALDH (Aldehyde Dehydrogenase) ซึ่งมีหน้าที่สลายแอลกอฮอล์ในร่างกาย ผลจากสารกำมะถันนี้ทำให้ร่างกายสลายแอลกอฮอล์ได้ช้าลง ส่งผลให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงขึ้นกว่าปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการมึนเมา ความดันโลหิตสูง หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ หรือ โรคหัวใจ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น หมดสติ หรือ ช็อก ได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าการกินทุเรียนกับแอลกอฮอล์ทำให้เสียชีวิตทันที ในคนที่มีสุขภาพปกติ แต่เพื่อความปลอดภัย แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงการบริโภคทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน โดยควรรออย่างน้อย 4–6 ชั่วโมงหลังดื่มแอลกอฮอล์ก่อนกินทุเรียน ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว เพื่อให้การกินทุเรียนในช่วงฤดูกาลนี้ทั้งอร่อยและปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจาก สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และ สมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย มีคำแนะนำดังนี้ ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว นอกจากความอร่อย "ทุเรียน" ยังมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย ในช่วงฤดูกาลทุเรียน ตลาดผลไม้ทั่วประเทศจะคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีชื่อเสียงด้านการปลูกทุเรียน เช่น จันทบุรี ระยอง และ ชุมพร ซึ่งเป็นแหล่งผลิตทุเรียนคุณภาพสูงเพื่อส่งออก ตามข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในปี 2567 ประเทศไทยส่งออกทุเรียนมูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท โดยจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของการส่งออกทั้งหมด ในแง่วัฒนธรรม ทุเรียนมักถูกนำมาใช้ในงานเทศกาลและประเพณี เช่น งาน เทศกาลทุเรียนจันทบุรี ที่จัดขึ้นทุกปีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเกษตรกรรม นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนานวัตกรรมจากทุเรียน เช่น ขนมทุเรียนอบแห้ง ไอศกรีมทุเรียน หรือแม้แต่กาแฟผสมกลิ่นทุเรียน ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและคนรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม การบริโภคทุเรียนอย่างยั่งยืนก็เป็นประเด็นที่เริ่มได้รับความสนใจ เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้นทำให้มีการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกสวนทุเรียนในบางพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เกษตรกรและผู้บริโภคจึงถูกกระตุ้นให้สนับสนุนทุเรียนจากแหล่งปลูกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น สวนที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP อ่านข่าวอื่น : เร่งช่วย "ช้างป่ากุยบุรี" ขาหลังซ้ายบวม กกต.เปิดแจ้งเบาะแสทุจริต "เลือกตั้งเทศบาล" รางวัลสูงสุด 1 ล้านบาท
ระหว่างทางของการเดินหน้าโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ถูกทักท้วงถึงความคุ้