สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หลังจากมาเลเซียประกาศจะยกเลิกกฎหมายนี้ รวมทั้งจะผ่อนปรนกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการประท้วง และการรายงานข่าวของสื่อมวลชน กลุ่มสิทธิมนุษยชน และกลุ่มฝ่าย
สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หลังจากมาเลเซียประกาศจะยกเลิกกฎหมายนี้ รวมทั้งจะผ่อนปรนกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการประท้วง และการรายงานข่าวของสื่อมวลชน กลุ่มสิทธิมนุษยชน และกลุ่มฝ่ายค้านระบุว่าสิงคโปร์จำเป็นต้องยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หรือ ไอเอสเอ ซึ่งอนุญาตให้มีการควบคุมตัวโดยปราศจากการไต่สวนได้ และนักวิจารณ์มองว่ากฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกำจัดผู้ที่แข็งข้อต่อรัฐบาล สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ หลังจากนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้านได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยกเลิกกฎหมายไอเอสเอ และจะผ่อนปรนกฎหมายอื่นๆ ที่ถูกมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิพลเมือง รวมถึงกฎเกณฑ์ในการประท้วงและการต่อใบอนุญาตของสื่อมวลชน แต่สิงคโปร์ยังคงยืนกรานที่จะคงไอเอสเอไว้ต่อไป เพื่อรักษาความเป็นเอกภาพของสังคม เดิมที กฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จัดการกับกองโจรคอมมิวนิสต์ในสมัยที่ทั้งสิงคโปร์ และมาเลเซียตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษในช่วงทศวรรษที่ 1960 ต่อมาสิงคโปร์เป็นอิสระจากมาเลเซียในปี 2508 และทั้ง 2 ประเทศยังบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อไป รัฐมนตรีมหาดไทยของสิงคโปร์ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า ไอเอสเอถูกใช้เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับบ่อนทำลายประเทศ ความรุนแรงด้านเชื้อชาติและศาสนา การก่อการร้าย และสายลับ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อกำจัดผู้แข็งข้อทางการเมือง และไม่เคยมีใครถูกควบคุมตัวเพราะเหตุผลความเชื่อทางการเมือง โดยผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายอิสลาม 3 คน ซึ่งถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่สิงคโปร์ ก็กำลังถูกควบคุมตัวด้วยกฎหมายนี้ ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็น และเว็บไซต์ทางการเมืองอิสระต่างๆเริ่มเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายนี้ โดยเห็นว่าสิงคโปร์จะพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชน์อย่างก้าวกระโดด หากเลียนแบบมาเลเซียในการยกเลิกกฎหมายนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชน และกลุ่มฝ่ายค้านระบุว่าสิงคโปร์จำเป็นต้องยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หรือ ไอเอสเอ ซึ่งอนุญาตให้มีการควบคุมตัวโดยปราศจากการไต่สวนได้ และนักวิจารณ์มองว่ากฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกำจัดผู้ที่แข็งข้อต่อรัฐบาล สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ หลังจากนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้านได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยกเลิกกฎหมายไอเอสเอ และจะผ่อนปรนกฎหมายอื่นๆ ที่ถูกมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิพลเมือง รวมถึงกฎเกณฑ์ในการประท้วงและการต่อใบอนุญาตของสื่อมวลชน แต่สิงคโปร์ยังคงยืนกรานที่จะคงไอเอสเอไว้ต่อไป เพื่อรักษาความเป็นเอกภาพของสังคม เดิมที กฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จัดการกับกองโจรคอมมิวนิสต์ในสมัยที่ทั้งสิงคโปร์ และมาเลเซียตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษในช่วงทศวรรษที่ 1960 ต่อมาสิงคโปร์เป็นอิสระจากมาเลเซียในปี 2508 และทั้ง 2 ประเทศยังบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อไป รัฐมนตรีมหาดไทยของสิงคโปร์ระบุในแถลrhino slotงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า ไอเอสเอถูกใช้เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับบ่อนทำลายประเทศ ความรุนแรงด้านเชื้อชาติและศาสนา การก่อการร้าย และสายลับ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อกำจัดผู้แข็งข้อทางการเมือง และไม่เคยมีใครถูกควบคุมตัวเพราะเหตุผลความเชื่อทางการเมือง โดยผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายอิสลาม 3 คน ซึ่งถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่สิงคโปร์ ก็กำลังถูกควบคุมตัวด้วยกฎหมายนี้ ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็น และเว็บไซต์ทางการเมืองอิสระต่างๆเริ่มเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายนี้ โดยเห็นว่าสิงคโปร์จะพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชน์อย่างก้าวกระโดด หากเลียนแบบมาเลเซียในการยกเลิกกฎหมายนี้
จากกรณีเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 7 เม.ย.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ รับแจ้งเหตุหญิงถูกฆ่าปาดคอ และแทงด้วยอาวุธมีดตามร่างกาย ใบหน้า เหตุเกิดภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุร
วันนี้ (23 ก.พ.2565) ตัวแทนผู้เสียหายจากการซื้อบัตรท่องเที่ยว 30 คน เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่
นิยายชีวิต โดย : Bilal Ramadhan
เรื่องและภาพโดย : Bilal Ramadhan
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..