วันนี้ (19 ก.พ.2567) นางมารศรี ใจรังษี รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงประเด็นที่สื่อสังคมออนไตรวจ สลาก ออมสิน 5 ปี
วันนี้ (27 ม.ค.2564) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงข่าวผลการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดโครงการเที่ยวด้วยกัน โดยระบุว่า โครงการเที่ยวด้ว
วันนี้ (27 ม.ค.2564) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงข่าวผลการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดโครงการเที่ยวด้วยกัน โดยระบุว่า โครงการเที่ยวด้วยกันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ทุจริต โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่สบายใจ และต้องการให้ดำเนินคดีกับคนทำผิด จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร.พร้อมด้วยตำรวจกองปราบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกหมายจับนำร่องผู้ที่กระทำผิด พร้อมทั้งออกปฏิบัติการเช้าวันนี้ พร้อมกันที่จ.ชัยภูมิ ได้ผู้ต้องหา 50 คน หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปราม กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 55 จุด โดยจุดหลัก ๆ อยู่ที่โรงแรมณัฐชญา รีสอร์ท และผู้เกี่ยวข้อง ในจ.ชัยภูมิและใกล้เคียง จำนวน 41 หมายจับ ได้ผู้กระทำผิด 36 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าของโรงแรม เจ้าของร้านค้า คนกลางรวบรวมสิทธิ์หรือสวมสิทธิ์ ผู้รับจ้างเปิดบัญชี ผตรวจ สลาก ออมสิน 5 ปีู้รับจ้างบันทึกข้อมูลจองโรงแรม ซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ เลย นครราชสีมา ขอนแก่น เพชรบูรณ์ และศรีษะเกษ สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหา พบว่ามีการลงทะเบียนเป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก มีห้องพักทั้งหมด 10 ห้อง ตั้งแต่เดือน ก.ค.ถึงปัจจุบัน มีผู้ใช้สิทธิโรงการ จำนวน 9,263 ราย ยอดจองห้อง 92,028 ห้อง เฉลี่ย 1,000–3,000 ห้องต่อวันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และยังพบว่ากว่า ร้อยละ 99 ของการจองห้องพัก 1 คนจะจอง 10 ห้องเต็มทุกครั้งในการเช็กอิน และเช็กเอาท์ทับซ้อนไม่สัมพันธ์กัน นอกจากนี้ ยังพบว่าคูปองทีได้รับหลังจากเช็คอินห้องพักที่ใช้สำหรับสแกนจ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ มียอดการใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ รวมมูลค่าความเสียหายในส่วนของโรงแรมนี้ 14 ล้านบาท และร้านค้าที่ร่วมกระทำผิด 101 ร้าน ความเสียหายรวมประมาณ 87 ล้านบาท อีกจุดหลัก คือที่โรงแรมธาราป่าตอง จ.ภูเก็ต และเครือข่าย จับผู้กระทำผิดได้ 14 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าของโรงแรม เจ้าของร้านค้า คนกลางรวบรวมสิทธิหรือสวมสิทธิ ผู้รับจ้างบันทึกข้อมูลจองโรงแรม และยังมีประชาชนที่ร่วมทุจริตรวมกว่า 800 คนซึ่งพฤติกรรมของกลุ่มนี้ จะแตกต่างออกไปโดยโรงแรมจะร่วมกับผู้จัดทัวร์ เชิญชวนประชาชน หากจองห้องพักเต็มสิทธิ จะให้เข้าร่วมกิจกรรมทัวร์ 3 วัน 2 คืน โดยไม่มีการเข้าพักโรงแรมจริงผู้จัดทัวร์กิจกรรม ให้ประชาชนชำระค่าบริการในการทำกิจกรรม ให้สแกนคูปองที่ได้รับหลังการเช็กอินห้องพัก มาสแกนใช้จ่ายกับร้านค้า 2 แห่งที่สมคิดกันไว้ พบรัฐเสียหายจากโรงแรม 18 ล้านบาท พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า จากการสอบสวน พบผู้ต้องหามีการ กระทำเป็นขบวนการ โดยจะมีผู้ซื้อสิทธิ ตามหาซื้อสิทธิในโครงการ โดยให้ค่าตอบแทนรายละ 400-500 บาท เมื่อประชาชนขายสิทธิให้แล้ว ผู้ซื้อสิทธิจะให้เจ้าของสิทธิติดตั้งแอปพลิเคชั่นเป๋าตังก่อนจากนั้นผู้ซื้อสิทธิ จะนำโทรศัพท์ของเจ้าของสิทธิไปดำเนินการจองโรงแรม และใช้คูปอง หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ จะนำข้อมูลบัตรประชาชนและซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วไปขายต่อให้กับผู้สวมสิทธิ โดยจะขายให้ผู้สวมสิทธิในราคา 800-1,000 บาท เมื่อผู้สวมสิทธิได้รับสิทธิจากโครงการแล้ว จะว่าจ้างให้ผู้ร่วมขบวนการ กรอกข้อมูลเพื่อจองห้องพักกับทางโรงแรม โดยจะมีกลุ่มที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารอีกกลุ่มหนึ่ง ที่คอยทำธุรกรรมทางการเงินแทนเจ้าของสิทธิ ซึ่งหลังจากที่ผู้สวมสิทธิทำการเช็คอินตามห้องพักที่ได้ทำการจองไว้ ทางผู้สวมสิทธิจะนำคูปองที่ได้รับหลังจากเช็คอินไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตัวเองควบคุม ด้านพล.ต.อ.สุวัฒน์ ยืนยันว่า หากสอบสวนพบว่า ยังมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องเพิ่มเติม จะต้องขยายผลดำเนินคดีเพิ่ม เช่น ประชาชนที่จงใจร่วมใช้สิทธิ์ในลักษณะทุจริต โดยเบื้องต้นคาดมีมากถึง 9,000 คนทั่วประเทศ และเตรียมเรียกตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ตำรวจยังพบมีลักษณะคล้ายกันนี้อีกหลายพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวหลัก และจังหวัดรอง รวมอีกกว่า 900 ราย โดยอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม
วันนี้ (25 ม.ค.2565) พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ เรือบ
ตรวจ สลาก ออมสิน 5 ปี -เกม ไพ่ โป ก เกอร์ ออนไลน์, sa game 88, kiosk 918kiss com login
วันนี้ (19 ก.พ.2567) นางมารศรี ใจรังษี รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงประเด็นที่สื่อสังคมออนไตรวจ สลาก ออมสิน 5 ปี
วันนี้ (27 ม.ค.2564) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงข่าวผลการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดโครงการเที่ยวด้วยกัน โดยระบุว่า โครงการเที่ยวด้ว
วันนี้ (27 ม.ค.2564) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงข่าวผลการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดโครงการเที่ยวด้วยกัน โดยระบุว่า โครงการเที่ยวด้วยกันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ทุจริต โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่สบายใจ และต้องการให้ดำเนินคดีกับคนทำผิด จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร.พร้อมด้วยตำรวจกองปราบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกหมายจับนำร่องผู้ที่กระทำผิด พร้อมทั้งออกปฏิบัติการเช้าวันนี้ พร้อมกันที่จ.ชัยภูมิ ได้ผู้ต้องหา 50 คน หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปราม กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 55 จุด โดยจุดหลัก ๆ อยู่ที่โรงแรมณัฐชญา รีสอร์ท และผู้เกี่ยวข้อง ในจ.ชัยภูมิและใกล้เคียง จำนวน 41 หมายจับ ได้ผู้กระทำผิด 36 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าของโรงแรม เจ้าของร้านค้า คนกลางรวบรวมสิทธิ์หรือสวมสิทธิ์ ผู้รับจ้างเปิดบัญชี ผตรวจ สลาก ออมสิน 5 ปีู้รับจ้างบันทึกข้อมูลจองโรงแรม ซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ เลย นครราชสีมา ขอนแก่น เพชรบูรณ์ และศรีษะเกษ สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหา พบว่ามีการลงทะเบียนเป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก มีห้องพักทั้งหมด 10 ห้อง ตั้งแต่เดือน ก.ค.ถึงปัจจุบัน มีผู้ใช้สิทธิโรงการ จำนวน 9,263 ราย ยอดจองห้อง 92,028 ห้อง เฉลี่ย 1,000–3,000 ห้องต่อวันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และยังพบว่ากว่า ร้อยละ 99 ของการจองห้องพัก 1 คนจะจอง 10 ห้องเต็มทุกครั้งในการเช็กอิน และเช็กเอาท์ทับซ้อนไม่สัมพันธ์กัน นอกจากนี้ ยังพบว่าคูปองทีได้รับหลังจากเช็คอินห้องพักที่ใช้สำหรับสแกนจ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ มียอดการใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ รวมมูลค่าความเสียหายในส่วนของโรงแรมนี้ 14 ล้านบาท และร้านค้าที่ร่วมกระทำผิด 101 ร้าน ความเสียหายรวมประมาณ 87 ล้านบาท อีกจุดหลัก คือที่โรงแรมธาราป่าตอง จ.ภูเก็ต และเครือข่าย จับผู้กระทำผิดได้ 14 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าของโรงแรม เจ้าของร้านค้า คนกลางรวบรวมสิทธิหรือสวมสิทธิ ผู้รับจ้างบันทึกข้อมูลจองโรงแรม และยังมีประชาชนที่ร่วมทุจริตรวมกว่า 800 คนซึ่งพฤติกรรมของกลุ่มนี้ จะแตกต่างออกไปโดยโรงแรมจะร่วมกับผู้จัดทัวร์ เชิญชวนประชาชน หากจองห้องพักเต็มสิทธิ จะให้เข้าร่วมกิจกรรมทัวร์ 3 วัน 2 คืน โดยไม่มีการเข้าพักโรงแรมจริงผู้จัดทัวร์กิจกรรม ให้ประชาชนชำระค่าบริการในการทำกิจกรรม ให้สแกนคูปองที่ได้รับหลังการเช็กอินห้องพัก มาสแกนใช้จ่ายกับร้านค้า 2 แห่งที่สมคิดกันไว้ พบรัฐเสียหายจากโรงแรม 18 ล้านบาท พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า จากการสอบสวน พบผู้ต้องหามีการ กระทำเป็นขบวนการ โดยจะมีผู้ซื้อสิทธิ ตามหาซื้อสิทธิในโครงการ โดยให้ค่าตอบแทนรายละ 400-500 บาท เมื่อประชาชนขายสิทธิให้แล้ว ผู้ซื้อสิทธิจะให้เจ้าของสิทธิติดตั้งแอปพลิเคชั่นเป๋าตังก่อนจากนั้นผู้ซื้อสิทธิ จะนำโทรศัพท์ของเจ้าของสิทธิไปดำเนินการจองโรงแรม และใช้คูปอง หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ จะนำข้อมูลบัตรประชาชนและซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วไปขายต่อให้กับผู้สวมสิทธิ โดยจะขายให้ผู้สวมสิทธิในราคา 800-1,000 บาท เมื่อผู้สวมสิทธิได้รับสิทธิจากโครงการแล้ว จะว่าจ้างให้ผู้ร่วมขบวนการ กรอกข้อมูลเพื่อจองห้องพักกับทางโรงแรม โดยจะมีกลุ่มที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารอีกกลุ่มหนึ่ง ที่คอยทำธุรกรรมทางการเงินแทนเจ้าของสิทธิ ซึ่งหลังจากที่ผู้สวมสิทธิทำการเช็คอินตามห้องพักที่ได้ทำการจองไว้ ทางผู้สวมสิทธิจะนำคูปองที่ได้รับหลังจากเช็คอินไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตัวเองควบคุม ด้านพล.ต.อ.สุวัฒน์ ยืนยันว่า หากสอบสวนพบว่า ยังมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องเพิ่มเติม จะต้องขยายผลดำเนินคดีเพิ่ม เช่น ประชาชนที่จงใจร่วมใช้สิทธิ์ในลักษณะทุจริต โดยเบื้องต้นคาดมีมากถึง 9,000 คนทั่วประเทศ และเตรียมเรียกตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ตำรวจยังพบมีลักษณะคล้ายกันนี้อีกหลายพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวหลัก และจังหวัดรอง รวมอีกกว่า 900 ราย โดยอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม
วันนี้ (25 ม.ค.2565) พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ เรือบ