วันนี้ (15 ธ.ค.2564) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำ

วันนี้ (16 ต.ค.2565) ความคืบหน้ากรณีเหตุไฟไหม้ผับเมาท์เทน บี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่มีผู้เสียชีวิตรวม 24 คน และบาดเจ็บ 33 คน ผ่านมากว่า 2 เดือน ล่าสุด พบว่า มีการเข้ารื้อถอนอาคาร ผับเม
วันนี้ (24 มี.ค.2568) สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาควบคุมราคาค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์ของ รพ.เอกชน หลังพบว่ามีการตั้งราคาสูงเกินจริงอย่างน่าตกใจ
วันนี้ (24 มี.ค.2568) สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาควบคุมราคาค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์ของ รพ.เอกชน หลังพบว่ามีการตั้งราคาสูงเกินจริงอย่างน่าตกใจ โดยยกตัวอย่างเวชภัณฑ์ 4 ชนิดที่เปรียบเทียบราคาท้องตลาดกับราคาที่ รพ.เอกชน เรียกเก็บ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่ผู้บริโภคต้องเผชิญมานาน มีการเปิดเผยข้อมูล ดังนี้ ข้อมูลเหล่านี้มาจากใบเสร็จที่ผู้บริโภคนำมาร้องเรียนกับสภาฯ แสดงให้เห็นว่าราคาค่บา คา ร่า onlineารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนกำลังสร้างภาระหนักให้ประชาชน ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว ย้อนไปเมื่อวันที่ 20 มี.ค.2568 สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อขอให้ทบทวนนโยบาย "ร่วมจ่าย" (Co-payment) ในสัญญาประกันภัยสุขภาพ เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากบ่นว่าการต้องร่วมจ่ายร้อยละ 30-50 นั้นสูงเกินไป โดยนายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค อธิบายว่า ตามคำสั่งของ คปภ. หากผู้เอาประกันเคลมสินไหมเกินร้อยละ 200 ของเบี้ยประกัน หรือเคลมเกิน 3 ครั้งในโรคที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล จะต้องเริ่ม "ร่วมจ่าย" ในปีถัดไป และถ้าเคลมเกินร้อยละ 400 ในโรคทั่วไป (ไม่นับผ่าตัดใหญ่) จะต้องจ่ายร้อยละ 30 หรือสูงสุดร้อยละ 50 หากเข้าเงื่อนไขทั้ง 2 กรณี ปัญหาคือ เมื่อรวมกับราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์ที่สูงเกินจริงจาก รพ.เอกชน ผู้บริโภคยิ่งแบกรับภาระหนักเข้าไปอีก วันถัดมา วันที่ 21 มี.ค.2568 สภาฯ ได้จัดรายการ "สภาผู้บริโภค LIVE" ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เพื่อเปิดเวทีพูดคุยในหัวข้อ "เคลียร์ชัด Co-payment เคลมเยอะ ต้องร่วมจ่าย เพราะ รพ.เอกชนแพง บัตรทองคือทางรอด" โดยนายภัทรกรชี้ว่า การที่ รพ.เอกชน คิดราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์สูงเกินจริง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ค่ารักษาพุ่ง และการผลักภาระให้ผู้บริโภคร่วมจ่ายไม่ใช่คำตอบที่ยุติธรรม โดยตั้งคำถามว่า ทำไมไม่แก้ที่ต้นเหตุ ทำไมกระทรวงพาณิชย์ไม่เข้ามาควบคุมราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์ที่แพงเกินจริง แทนที่จะปล่อยให้ประชาชนต้องจ่ายแพงขึ้นเรื่อยๆ ที่ผ่านมา สภาฯ พยายามผลักดันให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามากำกับราคาค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาลเอกชน แต่ไม่ได้รับการตอบรับ โดยกระทรวงฯ อ้างว่าเวชภัณฑ์เหล่านี้ไม่ใช่สินค้าควบคุม และไม่สามารถจัดการได้เหมือนยาในโรงพยาบาล สถานการณ์นี้ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากรู้สึกว่าถูกทิ้งให้เผชิญปัญหาคนเดียว โดยเฉพาะเมื่อต้องจ่ายค่ารักษาที่สูงเกินสมควรควบคู่กับนโยบายร่วมจ่ายจากประกัน ทั้งนี้ สภาองค์กรของผู้บริโภค ยังเรียกร้องให้ประชาชนที่เจอปัญหาค่ารักษาแพงเกินจริงเก็บใบเสร็จและหลักฐานต่าง ๆ มาร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1502 เพื่อรวบรวมข้อมูลและผลักดันการแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป "เราต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่ปล่อยให้ผู้บริโภคแบกภาระต่อไป" นายภัทรกรย้ำ อ่านข่าวอื่น : "พิชัย" ลุยมาตรการ "ซื้อหนี้ประชาชนฯ" หวังคิกออฟก่อน มิ.ย.นี้ อาจารย์ชาวอเมริกันตกตึกชั้น 26 ย่านปทุมวัน ตร.คาดเครียดหนัก
วันนี้ (13 เม.ย.2567) นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดการกากตะกอน
วันนี้ (9 พ.ย.2565) นายสิขเรศ ศิรากานต์ นักวิชาการอิสระด้านสื่อมวลชน กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการกิจการกระ
เมื่อวานนี้ นายเศรษฐาเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ว่าที่เลขาธิการนายกฯ
วันนี้ (24 มี.ค.2568) สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาควบคุมราคาค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์ของ รพ.เอกชน หลังพบว่ามีการตั้งราคาสูงเกินจริงอย่างน่าตกใจ โดยยกตัวอย่างเวชภัณฑ์ 4 ชนิดที่เปรียบเทียบราคาท้องตลาดกับราคาที่ รพ.เอกชน เรียกเก็บ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่ผู้บริโภคต้องเผชิญมานาน มีการเปิดเผยข้อมูล ดังนี้ ข้อมูลเหล่านี้มาจากใบเสร็จที่ผู้บริโภคนำมาร้องเรียนกับสภาฯ แสดงให้เห็นว่าราคาค่บา คา ร่า onlineารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนกำลังสร้างภาระหนักให้ประชาชน ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว ย้อนไปเมื่อวันที่ 20 มี.ค.2568 สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อขอให้ทบทวนนโยบาย "ร่วมจ่าย" (Co-payment) ในสัญญาประกันภัยสุขภาพ เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากบ่นว่าการต้องร่วมจ่ายร้อยละ 30-50 นั้นสูงเกินไป โดยนายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค อธิบายว่า ตามคำสั่งของ คปภ. หากผู้เอาประกันเคลมสินไหมเกินร้อยละ 200 ของเบี้ยประกัน หรือเคลมเกิน 3 ครั้งในโรคที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล จะต้องเริ่ม "ร่วมจ่าย" ในปีถัดไป และถ้าเคลมเกินร้อยละ 400 ในโรคทั่วไป (ไม่นับผ่าตัดใหญ่) จะต้องจ่ายร้อยละ 30 หรือสูงสุดร้อยละ 50 หากเข้าเงื่อนไขทั้ง 2 กรณี ปัญหาคือ เมื่อรวมกับราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์ที่สูงเกินจริงจาก รพ.เอกชน ผู้บริโภคยิ่งแบกรับภาระหนักเข้าไปอีก วันถัดมา วันที่ 21 มี.ค.2568 สภาฯ ได้จัดรายการ "สภาผู้บริโภค LIVE" ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เพื่อเปิดเวทีพูดคุยในหัวข้อ "เคลียร์ชัด Co-payment เคลมเยอะ ต้องร่วมจ่าย เพราะ รพ.เอกชนแพง บัตรทองคือทางรอด" โดยนายภัทรกรชี้ว่า การที่ รพ.เอกชน คิดราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์สูงเกินจริง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ค่ารักษาพุ่ง และการผลักภาระให้ผู้บริโภคร่วมจ่ายไม่ใช่คำตอบที่ยุติธรรม โดยตั้งคำถามว่า ทำไมไม่แก้ที่ต้นเหตุ ทำไมกระทรวงพาณิชย์ไม่เข้ามาควบคุมราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์ที่แพงเกินจริง แทนที่จะปล่อยให้ประชาชนต้องจ่ายแพงขึ้นเรื่อยๆ ที่ผ่านมา สภาฯ พยายามผลักดันให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามากำกับราคาค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาลเอกชน แต่ไม่ได้รับการตอบรับ โดยกระทรวงฯ อ้างว่าเวชภัณฑ์เหล่านี้ไม่ใช่สินค้าควบคุม และไม่สามารถจัดการได้เหมือนยาในโรงพยาบาล สถานการณ์นี้ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากรู้สึกว่าถูกทิ้งให้เผชิญปัญหาคนเดียว โดยเฉพาะเมื่อต้องจ่ายค่ารักษาที่สูงเกินสมควรควบคู่กับนโยบายร่วมจ่ายจากประกัน ทั้งนี้ สภาองค์กรของผู้บริโภค ยังเรียกร้องให้ประชาชนที่เจอปัญหาค่ารักษาแพงเกินจริงเก็บใบเสร็จและหลักฐานต่าง ๆ มาร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1502 เพื่อรวบรวมข้อมูลและผลักดันการแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป "เราต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่ปล่อยให้ผู้บริโภคแบกภาระต่อไป" นายภัทรกรย้ำ อ่านข่าวอื่น : "พิชัย" ลุยมาตรการ "ซื้อหนี้ประชาชนฯ" หวังคิกออฟก่อน มิ.ย.นี้ อาจารย์ชาวอเมริกันตกตึกชั้น 26 ย่านปทุมวัน ตร.คาดเครียดหนัก
ดาบิด เฟร์เรร์ นักเทนนิสชาวสเปนมือวางอันดับ 7 ของโลก ประกาศถอนตัวจากแกรนด์สแลม วิมเบิลดันแล้ว เนื่อง