ระหว่างการร่วมงานรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่น นายกรัฐมนตรีได้รับหนังสือจากผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราาฎร

วันนี้ (24 ก.ค.2564) นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตราเซนเนกา (ประเทศไทย) จำกัด ออกจดหมายเปิดผนึกถึงคนไทย โดยระบุว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็น “ชีววัตถุ” ที่เริ่มต้นด้วยการเพาะเลี้ยงเซลล์ที่เป็นส่วนปร

วันนี้ (24 ก.ค.2564) นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตราเซนเนกา (ประเทศไทย) จำกัด ออกจดหมายเปิดผนึกถึงคนไทย โดยระบุว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็น “ชีววัตถุ” ที่เริ่มต้นด้วยการเพาะเลี้ยงเซลล์ที่เป็นส่วนประกอบในกระบวนการผลิต จึงมีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน จำนวนเซลล์ที่สามารถนำไปใช้เพื่อการผลิตวัคซีนในแต่ละรอบการผลิตจึงมีความไม่แน่นอน จนถึงขณะนี้ แอสตราเซเนกาได้ส่งมอบวัคซีนให้กับกระทรวงสาธารณสุขแล้ว 9 ล้านโดส และมีกำหนดส่งมอบอีก 2.3 ล้านโดสในสัปดาห์หน้า รวมเป็gclub ผ่าน เว็บ มือ ถือนยอดส่งมอบ 11.3 ล้านโดส ณ สิ้นเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากแผนการจัดหาวัคซีนจำนวน 61 ล้านโดสให้กับประเทศไทย ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงของไวรัสสายพันธุ์เดลตา บริษัทจะพยายามหาทุกวิถีทางที่จะเร่งการผลิตและส่งมอบวัคซีนให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าท&#x;ี่จะเป็นไปได้ ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรผู้ผลิตอย่างสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งได้พยายามเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม จึงมั่นใจว่า จะสามารถส่งมอบวัคซีนได้มากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นายเจมส์ ทีก ระบุอีกว่า บริษัทยังได้พยายามจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจากศูนย์การผลิตของแอสตราเซเนกาทั่วโลกกว่า 20 แห่ง เพื่อส่งมอบวัคซีนเพิ่มเติมให้กับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันทั่วโลกกำลังประสบกับภาวะขาดแคลนวัคซีนป้องกัน COVIˆD-19 การขาดแคลนวัตถุดิบและส่วนประกอบที่จำเป็นในการผลิตวัคซีน ส่งผลให้ไม่สามารถคาดการณ์จำนวนการผลิตที่แน่นอนได้ แต&#x;่บริษัทหวังว่าจะสามารถนำเข้าวัคซีนเพิ่ม,เติมมาให้กับคนไทยได้ในเดือนต่อ ๆ ไป อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากการใช้วัคซีนล่าสุดจากประเทศแคนาดาแสดงให้เห็นว่า วัคซีนป้องกัน COVID-19 ของแอสตราเซเนกา 1 เข็ม มีประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อรุนแรงในระดับที่ต้องเข้านอนรับการรักษาในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากโรค COVID-19 สายพันธุ์เดลตาได้มากถึง 87% ดังนั้น วัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งกับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2567 "ไล่ ชิง-เต๋อ" วัย 64 ปี เข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีไต้หวัน ที่ทำเนียบประธานาธิบดี หลังชนะการเลือกตั้งเมื่อต้นปี และใช้โอกาสในการกล่าวสุนทรพจน์พูดถึงประเด็นความสัมพันธ์ข้าม