เป็นที่จับตามองการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจท้องถิ่นสุพรรณบุรีขึ้นมาอีกครั้งสำหรับการเลือกตั้งนายก อบโปรแกรม บอล ยู ฟ่า เน ชั่ น ส์ ลีก
เกิดกระแสการลงประกาศตัดขาดความสัมพันธ์ของพ่อแม่ชาวเมียนมากับลูกหลานมากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว เป็นต้นมา หลังจากกองทัพเมียนมาประกาศว่าจะยึดทรัพย์สินของกลุ่มต่อต้านการรัฐประหาร และจับ
วันนี้ (16 พ.ค.2565) ที่องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ ไทยพีบีเอส เวลา 16.30 น. ไทยพีบีเอส จัดมหกรรม “ปลุกกรุงเทพฯ เปลี่ยนเมืองใหญ่ เลือกตั้งผู้ว่าฯ 65” ด้วยการประชันวิสัยทัศน์ ของผู้สมัครชิงตำแหน่ง "ผู้ว่าฯ กทม.” มีผู้สมัครผู้ว่าฯ เข้าร่วม 5 คน คือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครหมายเลข 1 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครหมายเลข 3 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครหมายเลข 4 น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครหมายเลข 7 น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครหมายเลข 11 คำถามแรก ถามว่า วันที่ 22 พ.ค.2569 กรุงเทพฯ ตอนนั้น จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร? น.ส.รสนา ผู้สมัครหมายเลข 7 กล่าวว่า สโลแกนของดิฉันคือต้องหยุดโกง กรุงเทพฯ เปลี่ยนแน่ หวังว่าใน 4 ปี ข้างหน้าจะเห็นว่า กรุงเทพฯ จะหยุดโกงจริง ๆ และมีทรัพยากรมากพอที่จะจัดสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวิต ของทุกภาคส่วน หวังว่าคนเล็กคนน้อยจะมีพื้นที่ในการทำกิน และสามารถยืนได้อย่างมีศักดิ์ศรี ลดหนี้ของตัวเอง ใน 4 ปี ข้างหน้าเราจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องระบบรางเป็นขนส่งมวลชนมีราคาที่ทุกคนสามารถขึ้นได้ มีเมืองหลวงที่เป็นบ้านสำหรับทุกคน ดิฉันเองเป็นตัวแทนของประชาชน สิ่งที่จะทำคือขอให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ในการแก้ปัญหาของ กทม. เพราะ กทม.มีปัญหาหลายอย่างที่ซับซ้อนมาก เราต้องการพลังของชุมชน พลังของภาคประชาสังคม ที่ทำโปรแกรม บอล ยู ฟ่า เน ชั่ น ส์ ลีกงานช่วยเหลือรัฐมาโดยตลอด ช่วยทำให้กรุงเทพฯ เป็นอย่างที่เราต้องการ ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครหมายเลข 1 กล่าวว่า หลังจาก 4 ปี ตนและ ส.ก.จากพรรคก้าวไกล จะแก้กติกา ข้อบัญญัติ และระเบียบต่าง ๆ ที่ไม่เป็นธรรม ทั้งค่าขยะ ภาษีที่ดินที่คนตัวใหญ่ไม่หลบเลี่ยง ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ยกตัวอย่างภาษีป้าย เมื่อจัดเก็บรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย สวัสดิการต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้น ทั้งสวัสดิการผู้สูงอายุ เด็กแรกเกิด-เด็กเล็ก โดยอยากเห็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ จะมีนโยบายที่ยกระดับขึ้นไปอีก รวมทั้งไม่มีผู้ว่าฯ คนใหม่แก้กติกากลับไปเหมือนเดิมอีก เพื่อให้กรุงเทพฯ ไม่เผชิญปัญหาเดิม ๆ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ไม่อยากให้ผู้ว่าฯ ตอบเพียงงบฯ จำกัด ติดข้อบัญญัติ แต่ไม่เคยใช้สภากรุงเทพมหานครในการแก้ปัญหา กลับใช้เหตุผลเดิม ๆ ตอบประชาชนแทน ด้าน น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครหมายเลข 11 กล่าวว่า การจะพยากรณ์ได้ ต้องดูย้อนหลัง การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ทุกครั้ง นโยบายยังเหมือนเดิม ปัญหาต่าง ๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไข มันต้องอยู่ที่ Mindset ของผู้นำ ที่จะเข้ามาบริหารเมือง สิ่งที่จะเร่งดำเนินการคือ คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง คนที่มีอัตลักษณ์ที่แตกต่าง บริการสาธารณะจะต้องเข้าถึงได้ อีก 4 ปีข้างหน้า ต้องมีนโยบายใหม่ ๆ ปัญหาใหม่ ๆ และค่อยเป็นนโยบายของผู้ว่าฯ คนต่อไป มีตัวแทนคนพิการเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. มีผู้หญิง คนหลากหลายทางเพศเข้ามาในคณะรองผู้ว่าฯ กระจายความเดือดร้อนคนที่อยู่ข้างหลังเอามาเป็นหลัก และอีก 4 ปีข้างหน้า จะไม่เหลือปัญหาของคนเหล่านี้ต่อไป นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครหมายเลข 3 กล่าวว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้าต้องเป็นกรุงเทพฯ ที่ดีขึ้นในทุกด้านทั้งการจราจร สิ่งแวดล้อม และเท่าเทียมกันในทุกเขต การที่จะเป็นแบบนี้ ถ้าคิดแบบเดิม งบฯ แบบเดิม จะเป็นงานรูทีนที่ไม่พัฒนาไปได้เท่านั้น ส่วนวิธีการหาเงินเช่น การจัดการขยะที่เสียเงินปีละ 5-7 พันล้าน ไม่ได้อะไร ให้เอกชนทำได้ ใช้เงินถูกกว่า ใช้ศักยภาพของเมืองท่องเที่ยว เก็บภาษีซิติแท็กซ์ ซึ่งตั้งเป้าเก็บเงินได้ปีละ 3-5 พันล้าน ดังนั้น 4 ปีจะมีเงิน 3-4 หมื่นล้านลงมาพัฒนา รวมทั้งจะแก้ปัญหาการใช้งบที่กระจุกตัว แทนที่จะกระจายความเจริญไปใน 50 เขต นายสกลธียังกล่าวถึงอำนาจหน้าที่สมัยเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ว่า ไม่ค่อยมีอำนาจ ถ้าเป็นผู้ว่าฯ จะทำทุกอย่างให้เด็ดขาด โดยเฉพาะการทุจริตคอรัปชัน ขณะที่นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า 4 ปี ข้างหน้าที่กำลังจะหมดวาระ รอยย่นบนหน้าคงเยอะ งานเป็นผู้ว่าฯ กทม.เป็นงานหนัก ต้องมีความรู้ความสามารถ และใน 4 ปีข้างหน้า จะไม่มาพูดปัญหาเดิม 4 ปีข้างหน้า กทม.จะแข่งขันกับโตเกียว กับกรุงโซล กับ สิงคโปร์ 4 ปี ต่อให้มีรอยย่นเต็มหน้า ก็อยากมาให้พร้อมกับรอยยิ้ม ว่า เปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้จริง ๆ คนเรียกผมว่า The Disruptor นักเปลี่ยนแปลงแบบหักศอก ผู้ว่าฯต้องมีเสน่ห์พอสมควร มีลูกหนัก-เบา ผู้ว่าฯทะเลาะกับใครไม่ได้เลย เพราะคนที่เดือดร้อนคือประชาชน และหากใครคิดคอรัปชันโดนแน่ อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมรับความหลากหลาย คนทุกกลุ่ม-สภาพแวดล้อม อะไรหนักใจที่สุด? ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. แนะพัฒนา "คนจนเมือง" มีที่อยู่อาศัย-มีงานทำ-คุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ระบุต้องปลดล็อกตัวเอง ไม่ต้องทำเองทุกอย่าง ประสานทุกทางให้ได้
วันนี้ (30 มี.ค.2564) ภายหลังจากศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่ากา
โปรแกรม บอล ยู ฟ่า เน ชั่ น ส์ ลีก
เป็นที่จับตามองการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจท้องถิ่นสุพรรณบุรีขึ้นมาอีกครั้งสำหรับการเลือกตั้งนายก อบโปรแกรม บอล ยู ฟ่า เน ชั่ น ส์ ลีก
เกิดกระแสการลงประกาศตัดขาดความสัมพันธ์ของพ่อแม่ชาวเมียนมากับลูกหลานมากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว เป็นต้นมา หลังจากกองทัพเมียนมาประกาศว่าจะยึดทรัพย์สินของกลุ่มต่อต้านการรัฐประหาร และจับ
วันนี้ (16 พ.ค.2565) ที่องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ ไทยพีบีเอส เวลา 16.30 น. ไทยพีบีเอส จัดมหกรรม “ปลุกกรุงเทพฯ เปลี่ยนเมืองใหญ่ เลือกตั้งผู้ว่าฯ 65” ด้วยการประชันวิสัยทัศน์ ของผู้สมัครชิงตำแหน่ง "ผู้ว่าฯ กทม.” มีผู้สมัครผู้ว่าฯ เข้าร่วม 5 คน คือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครหมายเลข 1 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครหมายเลข 3 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครหมายเลข 4 น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครหมายเลข 7 น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครหมายเลข 11 คำถามแรก ถามว่า วันที่ 22 พ.ค.2569 กรุงเทพฯ ตอนนั้น จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร? น.ส.รสนา ผู้สมัครหมายเลข 7 กล่าวว่า สโลแกนของดิฉันคือต้องหยุดโกง กรุงเทพฯ เปลี่ยนแน่ หวังว่าใน 4 ปี ข้างหน้าจะเห็นว่า กรุงเทพฯ จะหยุดโกงจริง ๆ และมีทรัพยากรมากพอที่จะจัดสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวิต ของทุกภาคส่วน หวังว่าคนเล็กคนน้อยจะมีพื้นที่ในการทำกิน และสามารถยืนได้อย่างมีศักดิ์ศรี ลดหนี้ของตัวเอง ใน 4 ปี ข้างหน้าเราจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องระบบรางเป็นขนส่งมวลชนมีราคาที่ทุกคนสามารถขึ้นได้ มีเมืองหลวงที่เป็นบ้านสำหรับทุกคน ดิฉันเองเป็นตัวแทนของประชาชน สิ่งที่จะทำคือขอให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ในการแก้ปัญหาของ กทม. เพราะ กทม.มีปัญหาหลายอย่างที่ซับซ้อนมาก เราต้องการพลังของชุมชน พลังของภาคประชาสังคม ที่ทำโปรแกรม บอล ยู ฟ่า เน ชั่ น ส์ ลีกงานช่วยเหลือรัฐมาโดยตลอด ช่วยทำให้กรุงเทพฯ เป็นอย่างที่เราต้องการ ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครหมายเลข 1 กล่าวว่า หลังจาก 4 ปี ตนและ ส.ก.จากพรรคก้าวไกล จะแก้กติกา ข้อบัญญัติ และระเบียบต่าง ๆ ที่ไม่เป็นธรรม ทั้งค่าขยะ ภาษีที่ดินที่คนตัวใหญ่ไม่หลบเลี่ยง ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ยกตัวอย่างภาษีป้าย เมื่อจัดเก็บรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย สวัสดิการต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้น ทั้งสวัสดิการผู้สูงอายุ เด็กแรกเกิด-เด็กเล็ก โดยอยากเห็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ จะมีนโยบายที่ยกระดับขึ้นไปอีก รวมทั้งไม่มีผู้ว่าฯ คนใหม่แก้กติกากลับไปเหมือนเดิมอีก เพื่อให้กรุงเทพฯ ไม่เผชิญปัญหาเดิม ๆ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ไม่อยากให้ผู้ว่าฯ ตอบเพียงงบฯ จำกัด ติดข้อบัญญัติ แต่ไม่เคยใช้สภากรุงเทพมหานครในการแก้ปัญหา กลับใช้เหตุผลเดิม ๆ ตอบประชาชนแทน ด้าน น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครหมายเลข 11 กล่าวว่า การจะพยากรณ์ได้ ต้องดูย้อนหลัง การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ทุกครั้ง นโยบายยังเหมือนเดิม ปัญหาต่าง ๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไข มันต้องอยู่ที่ Mindset ของผู้นำ ที่จะเข้ามาบริหารเมือง สิ่งที่จะเร่งดำเนินการคือ คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง คนที่มีอัตลักษณ์ที่แตกต่าง บริการสาธารณะจะต้องเข้าถึงได้ อีก 4 ปีข้างหน้า ต้องมีนโยบายใหม่ ๆ ปัญหาใหม่ ๆ และค่อยเป็นนโยบายของผู้ว่าฯ คนต่อไป มีตัวแทนคนพิการเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. มีผู้หญิง คนหลากหลายทางเพศเข้ามาในคณะรองผู้ว่าฯ กระจายความเดือดร้อนคนที่อยู่ข้างหลังเอามาเป็นหลัก และอีก 4 ปีข้างหน้า จะไม่เหลือปัญหาของคนเหล่านี้ต่อไป นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครหมายเลข 3 กล่าวว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้าต้องเป็นกรุงเทพฯ ที่ดีขึ้นในทุกด้านทั้งการจราจร สิ่งแวดล้อม และเท่าเทียมกันในทุกเขต การที่จะเป็นแบบนี้ ถ้าคิดแบบเดิม งบฯ แบบเดิม จะเป็นงานรูทีนที่ไม่พัฒนาไปได้เท่านั้น ส่วนวิธีการหาเงินเช่น การจัดการขยะที่เสียเงินปีละ 5-7 พันล้าน ไม่ได้อะไร ให้เอกชนทำได้ ใช้เงินถูกกว่า ใช้ศักยภาพของเมืองท่องเที่ยว เก็บภาษีซิติแท็กซ์ ซึ่งตั้งเป้าเก็บเงินได้ปีละ 3-5 พันล้าน ดังนั้น 4 ปีจะมีเงิน 3-4 หมื่นล้านลงมาพัฒนา รวมทั้งจะแก้ปัญหาการใช้งบที่กระจุกตัว แทนที่จะกระจายความเจริญไปใน 50 เขต นายสกลธียังกล่าวถึงอำนาจหน้าที่สมัยเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ว่า ไม่ค่อยมีอำนาจ ถ้าเป็นผู้ว่าฯ จะทำทุกอย่างให้เด็ดขาด โดยเฉพาะการทุจริตคอรัปชัน ขณะที่นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า 4 ปี ข้างหน้าที่กำลังจะหมดวาระ รอยย่นบนหน้าคงเยอะ งานเป็นผู้ว่าฯ กทม.เป็นงานหนัก ต้องมีความรู้ความสามารถ และใน 4 ปีข้างหน้า จะไม่มาพูดปัญหาเดิม 4 ปีข้างหน้า กทม.จะแข่งขันกับโตเกียว กับกรุงโซล กับ สิงคโปร์ 4 ปี ต่อให้มีรอยย่นเต็มหน้า ก็อยากมาให้พร้อมกับรอยยิ้ม ว่า เปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้จริง ๆ คนเรียกผมว่า The Disruptor นักเปลี่ยนแปลงแบบหักศอก ผู้ว่าฯต้องมีเสน่ห์พอสมควร มีลูกหนัก-เบา ผู้ว่าฯทะเลาะกับใครไม่ได้เลย เพราะคนที่เดือดร้อนคือประชาชน และหากใครคิดคอรัปชันโดนแน่ อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมรับความหลากหลาย คนทุกกลุ่ม-สภาพแวดล้อม อะไรหนักใจที่สุด? ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. แนะพัฒนา "คนจนเมือง" มีที่อยู่อาศัย-มีงานทำ-คุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ระบุต้องปลดล็อกตัวเอง ไม่ต้องทำเองทุกอย่าง ประสานทุกทางให้ได้
วันนี้ (30 มี.ค.2564) ภายหลังจากศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่ากา