วันนี้ (3 ก.ค. 65) 06.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

วันนี้ (6 พ.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทวิตเตอร์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่านายอานนท์ นำภา ติดเชื้อ COVID-19 หลังจากนายอานนท์ มีอาการไข้ขึ้น เวียนศีรษะ และคลื่นไส้มาเป็นเวลา 3 วัน ขณะนี้
วันนี้ (17 พ.ย.2567) กรณีตำรวจพบศพนางวรรณา คอท์เนอร์ อายุ 67 ปีเสียชีวิตอยู่ริมถนนลูกรังภายในสวนปาล์ม ม.3 ต.ป่ายุบ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง พบนิ้วนางถูกตัดขาดหายไป พร้อมสร้อยทอง แหวนเพชร และเงินสด ชาวบ้านเ
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนฯ เปิดเผยสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยจากข้อมูล เดือนสิงหาคม 2565 พบว่า มีนักเรียนยากจนและด้อยโอกาสที่มีความเสี่ยงจะหลุดจากระบบการศึกษา 1.9 ล้านคน ขณะนี้มีนักเรียนที่หลุดออกจากระบบไปแล้ว 8,618 คน และหากเงินฟรี เล่นรูเล็ตออนไลน์ดูเฉพาะช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 (ในช่วงการระบาด 3 ปี) พบว่า มีเด็กนักเรียนยากจนเพิ่มขึ้นราว 3 แสนคน เมื่อมองถึงโอกาสทางการศึกษาไปจนถึงปลายทางหรือระดับอุดมศึกษา จาก 1.9 ล้านคน กลับมีเพียงร้อยละ 12 เท่านั้นที่มีโอกาสไปจนถึงระดับอุดมศึกษา ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศที่อยู่ระดับมากกว่าร้อยละ 30 หรือน้อยกว่าคนทั่วไปเกือบ 3 เท่า และน้อยกว่าคนที่มีรายได้สูงสุดของประเทศ 5 เท่า และหากเทียบกับระดับนานาชาติ พบว่าประเทศไทยไม่มีปัญหาในระดับประถมศึกษา แต่กลับมีปัญหาเด่นชัดในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และในความเป็นจริงเริ่มเกิดปัญหาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่โอกาสในการเรียนต่อลดลงมาเหลือเพียงแค่ร้อยละ 76 และเหลือร้อยละ 27 ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และลงไปถึงร้อยละ 8 ในระดับมหาวิทยาลัย ดร.ไกรยส ระบุว่า ในปี 2565 พบว่า มีเด็กไทย 2.5 ล้านคน ที่อยู่ใต้เส้นความยากจน หรือครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 2,762 บาท (ตามเกณฑ์เส้นความยากจนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ - สศช.) ในจำนวนนี้ กสศ.สามารถมีงบประมาณดูแลได้เพียง 1.3 ล้านคน ส่วนที่เหลือจากนั้น กสศ.ช่วยสนับสนุนข้อมูลไปยังหน่วยงานที่ดูแลเด็กกลุ่มนี้ ให้ใช้งบประมาณของหน่วยงานดำเนินการช่วยเหลือเด็กต่อไป ซึ่งจากสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำมีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่คนไทยมีรายได้ลดลงโดยเฉพาะคนที่มีบุตรหลานอยู่ในระบบการศึกษา ดร.ไกรยส ระบุว่า หากเราไม่ทำอะไร การฟื้นฟูทางการศึกษาของประเทศไทย จะเป็นเหมือนตัวอักษรภาษาอังกฤษ "เค" ด้าน ดร.ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ระบุว่า ในช่วงสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเรียนรู้ของเด็กทั่วโลก การปิดโรงเรียนในช่วงการระบาดส่งผลกระทบต่อเด็กทั่วโลกมากกว่า 1,600,000,000 คน ในจำนวนนี้มีเด็กหลายล้านที่มีความเสี่ยงไม่ได้กลับเข้าไปเรียนอีก ในกรณีประเทศไทย พบว่า เด็กในช่วงประถมศึกษาตอนต้น (ป.1 - ป.3) เป็นช่วงชั้นที่มีปัญหาภาวะถดถอยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 72.2 เมื่อเทียบกับระดับชั้นอื่นๆ ของนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และจากการวิจัยของคณะการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทำการศึกษาเด็กปฐมวัยจาก 25 จังหวัดทั่วประเทศ ผลการศึกษา พบว่า เด็กอนุบาลใน 3 จังหวัดที่มีปัญหาการระบาดของโควิด-19 จนต้องปิดโรงเรียนในช่วงเดือนมกราคม ปี 2565 มีภาวการณ์เรียนรู้ถดถอยทั้งทางด้านภาษา คณิตศาสตร์ และสติปัญญา เมื่อเปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังสถานการณ์โควิด-19 เรียกว่าสถานการณ์หลายอย่างมีความรุนแรงขึ้น เช่น จำนวนเด็กที่ไม่สามารถบอกตัวเลขได้ถูกต้อง มีความรุนแรงมากขึ้นในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งปัญหาความรู้ถดถอยก็มีความรุนแรงมากขึ้น ด้าน ดร.วราภรณ์ สามโกเศศ อดีตประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศการศึกษา กล่าวถึงบทเรียนจากการทำงานด้านการปฏิรูปการศึกษา พบว่า การปฏิรูปการศึกษาที่จะทำให้ได้ผล ต้องเป็นการลงมือทำเองและต้องมีทรัพยากรในมือ และต้องให้คนเป็นหัวใจของการปฏิรูป เพราะต้องเป็นการทำงานที่ต่อเนื่อง “ต้องมองด้วยว่า การศึกษาเป็น sub-system ขององคาพยพ ดังนั้น ถ้าแก้ที่การศึกษาอย่างเดียวจะแก้ไม่ได้ เพราะทุกอย่างโยงกันหมด แต่ต้องไปถึงครอบครัวซึ่งสังคมไทยมีปัญหาเรื่องนี้มาก จึงต้องดูทั้งระบบ ไปจนถึงการทำมาหากิน และสิ่งแวดล้อม" ดร.วราภรณ์ ระบุว่า แนวทางหลังจากนี้ จะต้องเริ่มที่การเปลี่ยนที่ความคิด (Mindset) เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้มองได้กว้างขึ้น และจะช่วยให้งานที่จะทำหลังจากนี้เกิดผลในระยะยาวได้ ส่วนงานระยะสั้น ควรจะมีการช่วยเหลือให้เด็กที่จบ ม.3 มีงานทำและมีรายได้ นอกจากจะช่วยให้คนยากจนมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะช่วยเปลี่ยนความคิดต่อระบบการศึกษาในระยะยาวด้วย รวมทั้งควรมีการสร้างความร่วมมือกับเอกชนที่พร้อมจะเข้ามาสนับสนุน
วันนี้ (6 มิ.ย.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์รถตู้ติดสติ๊กเกอร์ Ambulance ขนยาบ้ากว่า 2
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนฯ เปิดเผยสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยจากข้อมูล เดือนสิงหา
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนฯ เปิดเผยสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยจากข้อมูล เดือนสิงหาคม 2565 พบว่า มีนักเรียนยากจนและด้อยโอกาสที่มีความเสี่ยงจะหลุดจากระบบการศึกษา 1.9 ล้านคน ขณะนี้มีนักเรียนที่หลุดออกจากระบบไปแล้ว 8,618 คน และหากเงินฟรี เล่นรูเล็ตออนไลน์ดูเฉพาะช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 (ในช่วงการระบาด 3 ปี) พบว่า มีเด็กนักเรียนยากจนเพิ่มขึ้นราว 3 แสนคน เมื่อมองถึงโอกาสทางการศึกษาไปจนถึงปลายทางหรือระดับอุดมศึกษา จาก 1.9 ล้านคน กลับมีเพียงร้อยละ 12 เท่านั้นที่มีโอกาสไปจนถึงระดับอุดมศึกษา ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศที่อยู่ระดับมากกว่าร้อยละ 30 หรือน้อยกว่าคนทั่วไปเกือบ 3 เท่า และน้อยกว่าคนที่มีรายได้สูงสุดของประเทศ 5 เท่า และหากเทียบกับระดับนานาชาติ พบว่าประเทศไทยไม่มีปัญหาในระดับประถมศึกษา แต่กลับมีปัญหาเด่นชัดในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และในความเป็นจริงเริ่มเกิดปัญหาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่โอกาสในการเรียนต่อลดลงมาเหลือเพียงแค่ร้อยละ 76 และเหลือร้อยละ 27 ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และลงไปถึงร้อยละ 8 ในระดับมหาวิทยาลัย ดร.ไกรยส ระบุว่า ในปี 2565 พบว่า มีเด็กไทย 2.5 ล้านคน ที่อยู่ใต้เส้นความยากจน หรือครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 2,762 บาท (ตามเกณฑ์เส้นความยากจนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ - สศช.) ในจำนวนนี้ กสศ.สามารถมีงบประมาณดูแลได้เพียง 1.3 ล้านคน ส่วนที่เหลือจากนั้น กสศ.ช่วยสนับสนุนข้อมูลไปยังหน่วยงานที่ดูแลเด็กกลุ่มนี้ ให้ใช้งบประมาณของหน่วยงานดำเนินการช่วยเหลือเด็กต่อไป ซึ่งจากสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำมีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่คนไทยมีรายได้ลดลงโดยเฉพาะคนที่มีบุตรหลานอยู่ในระบบการศึกษา ดร.ไกรยส ระบุว่า หากเราไม่ทำอะไร การฟื้นฟูทางการศึกษาของประเทศไทย จะเป็นเหมือนตัวอักษรภาษาอังกฤษ "เค" ด้าน ดร.ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ระบุว่า ในช่วงสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเรียนรู้ของเด็กทั่วโลก การปิดโรงเรียนในช่วงการระบาดส่งผลกระทบต่อเด็กทั่วโลกมากกว่า 1,600,000,000 คน ในจำนวนนี้มีเด็กหลายล้านที่มีความเสี่ยงไม่ได้กลับเข้าไปเรียนอีก ในกรณีประเทศไทย พบว่า เด็กในช่วงประถมศึกษาตอนต้น (ป.1 - ป.3) เป็นช่วงชั้นที่มีปัญหาภาวะถดถอยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 72.2 เมื่อเทียบกับระดับชั้นอื่นๆ ของนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และจากการวิจัยของคณะการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทำการศึกษาเด็กปฐมวัยจาก 25 จังหวัดทั่วประเทศ ผลการศึกษา พบว่า เด็กอนุบาลใน 3 จังหวัดที่มีปัญหาการระบาดของโควิด-19 จนต้องปิดโรงเรียนในช่วงเดือนมกราคม ปี 2565 มีภาวการณ์เรียนรู้ถดถอยทั้งทางด้านภาษา คณิตศาสตร์ และสติปัญญา เมื่อเปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังสถานการณ์โควิด-19 เรียกว่าสถานการณ์หลายอย่างมีความรุนแรงขึ้น เช่น จำนวนเด็กที่ไม่สามารถบอกตัวเลขได้ถูกต้อง มีความรุนแรงมากขึ้นในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งปัญหาความรู้ถดถอยก็มีความรุนแรงมากขึ้น ด้าน ดร.วราภรณ์ สามโกเศศ อดีตประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศการศึกษา กล่าวถึงบทเรียนจากการทำงานด้านการปฏิรูปการศึกษา พบว่า การปฏิรูปการศึกษาที่จะทำให้ได้ผล ต้องเป็นการลงมือทำเองและต้องมีทรัพยากรในมือ และต้องให้คนเป็นหัวใจของการปฏิรูป เพราะต้องเป็นการทำงานที่ต่อเนื่อง “ต้องมองด้วยว่า การศึกษาเป็น sub-system ขององคาพยพ ดังนั้น ถ้าแก้ที่การศึกษาอย่างเดียวจะแก้ไม่ได้ เพราะทุกอย่างโยงกันหมด แต่ต้องไปถึงครอบครัวซึ่งสังคมไทยมีปัญหาเรื่องนี้มาก จึงต้องดูทั้งระบบ ไปจนถึงการทำมาหากิน และสิ่งแวดล้อม" ดร.วราภรณ์ ระบุว่า แนวทางหลังจากนี้ จะต้องเริ่มที่การเปลี่ยนที่ความคิด (Mindset) เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้มองได้กว้างขึ้น และจะช่วยให้งานที่จะทำหลังจากนี้เกิดผลในระยะยาวได้ ส่วนงานระยะสั้น ควรจะมีการช่วยเหลือให้เด็กที่จบ ม.3 มีงานทำและมีรายได้ นอกจากจะช่วยให้คนยากจนมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะช่วยเปลี่ยนความคิดต่อระบบการศึกษาในระยะยาวด้วย รวมทั้งควรมีการสร้างความร่วมมือกับเอกชนที่พร้อมจะเข้ามาสนับสนุน
16 ก.ค.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณ หลังชนะการเลือกตั้ง ต