วันนี้ (13 ธ.ค.2564) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อ

วันนี้ (31 ธ.ค.2565) เวลา 15.00 น. ที่ ลานเซ็นทรัลเวิลด์ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาตรวจเยี่ยมมาตรการรักษาความปลอดภัยการจัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2566 พล.
วันนี้ (8 มี.ค.2566) นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงการเข้าแจ้งความดำเนินคดี นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ถึงกรณีการให้ข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีการลงตรวจสอบภายในที่ รพ.จะนะ จ.สงขลา โดย
วันนี้ (19 ต.ค.2565) มูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.2565) ศาลจังหวัดระยอง เริ่มสืบพยานเป็นครั้งแรกในคดีที่ชาวบ้านบ้านหนองพะวา หมู่ 4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง 15 ราย ยื่นฟ้องบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ในข้อหาก่อมลพิษสร้างความเสียหายแก่พื้นที่เกษตรกว่าร้อยไร่ โดยเรียกร้องให้จำเลยเยียวยาความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเป็นเงินมูลค่า 47 ล้านบาท รวมทั้งฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม สำหรับการสืบพยานในวันนี้เป็นการสืบพยานโจทก์ คดีนี้ชาวบ้านยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2564 ซึ่งชาวบ้านบ้านหนองพะวา ระบุว่า การตัดสินใจยื่นฟ้องคดีเกิดขึ้น หลังจากที่คนในพื้นที่ได้ประสบความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการรีไซเคิล ของบริษัท วิน โพรเสสฯ มานานนับสิบปี นับตั้งแต่ที่บริษัทแห่งนี้นำของเสียอุตสาหกรรมเข้ามากักเก็บไว้เมื่อปี 2556 ซึ่งในตอนนั้นบริษัทฯ ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการใด ๆ และประชาชนในพื้นที่ได้คัดค้านการจัดตั้งโรงงานดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น ต่อมา เมื่อเริ่มได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็น และปัญหาน้ำเน่าเสีย จึงได้ร้องเรียนให้หน่วยงานรัฐเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่ก็ไม่เป็นผล ปัญหามลพิษในพื้นที่ขยายวงกว้างขึ้น และยังส่งผลกระทบอยู่ทุกวันนี้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันคือ บริษัทฯ มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแล้ว 3 ใบ เบื้องหลังการสืบพยานในคดี “หนองพะวา-วินโพรเสส” ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวานนี้เป็นวันแรก ถือเป็นประวัติศาสตร์ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ และยังทิ้งร่องรอยความเสียหายบนสวนยาง และไร่นาของประชาชนในพื้นที่ จวบจนวันนี้ จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่ปี 2554 เมื่อบริษัท วิน โพรเสสฯ ได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการคัดแยกสิ่งปฏิกูล และวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นอันตราย จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม แต่ถูกคัดค้านจากชาวชุมชนบ้านหนองพะวานับตั้งแต่แรก หลักฐานการคัดค้านเกิดขึ้นในวันที่ 15 ก.พ.2555 โดยประชาชนในพื้นที่ 213 ราย มีการลงคะแนนเสียง ไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งโรงงานของบริษัทฯ ส่วนผู้เห็นด้วยมีเพียง 2 ราย และไม่แสดงความเห็นอีก 3 ราย กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงมีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแก่บริษัทฯ ในเวลาต่อมา วันที่ 1 เม.ย.2556 สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เข้าตรวจสอบกรณีลักลอบฝังกลบของเสียในพื้นที่ของบริษัท วิน โพรเสสฯ ผลการตรวจพบว่า มีการขุดบ่อในการฝังกลบจำนวน 3 บ่อ และพบการอัดก้อนกระดาษ คัดแยกขยะต่าง ๆ แบ่งเก็บน้ำมันเครื่องใช้แล้ว และแปรรูปน้ำมันเครื่อง มีอาคารโรงเก็บของ 5 โรง มีการเก็บขยะจำพวกเศษพลาสติก เศษเหล็ก ผงเหล็ก ทินเนอร์เก่า เศษสี และ น้ำมันเครื่องใช้แล้ว ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ต่อมาศูนย์วิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมโรงงานภาคตะวันออก เข้าร่วมตรวจสอบและเก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อมในโรงงาน โดยมีการขุดหลุมบริเวณที่ชาวบ้านสงสัยว่า จะมีการลักลอบฝังกลบไปแล้ว ซึ่งพบว่า มีไอระเหยจากหลุม ส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง รวมทั้งมีการตรวจวัดพบสารอินทรีย์ระเหยทั้งหมด (Total VOCs) สูงกว่า 60 ส่วนในล้านส่วน “จึงน่าเชื่อได้ว่ามีการปนเปื้อนของตัวทำละลาย (Solvent)” นอกจากนี้ยังได้ตรวจวัดน้ำจากหลุมฝังกลบ พบปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน (TPH) 37 มิลลิกรัม/ลิตร น้ำมัน และไขมัน 106 มิลลิกรัม/ลิตร จัดเป็นวัตถุอันตรายในลำดับที่ 50 (ของเสียผสมระหว่างน้ำมัน /น้ำ หรือไฮโดรคาร์บอน/น้ำ หรืออยู่ในรูปอิมัลชัน) ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อ วัตถุอันตราย พ.ศ.2538 เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน รวมตัวกันปักหลักชุมนุมหน้าพื้นที่ของบริษัทฯ ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้บริษัทฯ ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และดำเนินการขนย้ายของเสียและวัตถุอันตรายออกจากโรงงาน นอกจากนี้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทฯ ในข้อหาตั้งและประกอบกิจการโรงงานคัดแยกและรีไซเคิลของเสีย โดยไม่ได้รับอนุญาต และครอบครองวัตถุอันตราย โดยไม่ได้รับอนุญาต ระหว่างปี 2557-2559 บริษัท วิน โพรเสสฯ พยายามขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอีกสองครั้ง แต่ถูกชาวบ้านหนองพะวาคัดค้านทั้งสองรอบ โดยระบุว่า ที่ผ่านมาบริษัท วิน โพรเสสฯ ได้ดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน มาโดยตลอด ซ้ำยังมีพฤติกรรมเพิกเฉยคำสั่งหน่วยงานรัฐ และไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมาย ชาวบ้านจึงเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจบริษัทฯ โดยเอกสารคัดค้านฉบับหนึ่ง ยังระบุเจตนารมณ์ของชาวบ้านในพื้นที่ไว้อย่างชัดเจนว่า “พวกเราชาวบ้านผู้มีรายชื่อท้ายหนังสือนี้ ขอแสดงความคิดเห็นโต้แย้งการขออนุญาตตั้งโรงงาน รวมถึงคัดค้านให้ใช้ พื้นที่ดังกล่าวอย่างชัดเจน เพื่อปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตความเป็นอยู่สุขภาพอนามัยไว้ให้ลูกหลานของเราต่อไปในอนาคต” แต่แล้วในปี 2560 กรมโรงงานอุตสาหกรรม กลับมอบใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแก่บริษัท วิน โพรเสสฯ เป็นจำนวนถึง 3 ใบ ทำให้บริษัทฯ มีสถานะเป็นโรงงานถูกต้องตามกฎหมายขึ้นมา ท่ามกลางผลงานการก่อปัญหาที่ยังคาราคาซังสำหรับใบอนุญาตทั้ง 3 ใบ ได้แก่1.ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ 40 (1) และ 64 (11) ประกอบกิจการอัดเศษกระดาษ เศษโลหะ เศษพลาสติก และคัดแยกของใช้แล้วทั่วไป2.ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ 60 ประกอบกิจการหล่อหลอมโลหะ3.ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ 106 ประกอบกิจการรีไซเคิล คืนสภาพกรดด่าง ทำเชื้อเพลิงผสม ล้างภาชนะบรรจุภัณฑ์ด้วยตัวทำละลาย ในปีเดียวกันนั้น กรมโรงงานอุตสาหกรรมยังได้มอบใบอนุญาตถือครองวัตถุอันตรายจำพวกน้ำมันใช้แล้วแก่บริษัท วิน โพรเสสฯ อีก 4 ใบ หลังปี 2560 ปัญหามลพิษที่หนองพะวาทวีความรุนแรงขึ้นอย่างแจ้งชัด น้ำในลำรางหน้าโรงงานเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น มีพืชตาย ต้นหญ้าบนที่ดินทางทิศเหนือของโรงงานล้มตายเป็นบริเวณกว้าง ปลาและสัตว์น้ำในแหล่งน้ำใกล้โรงงานล้มตาย สวนยางของ นายเทียบ สมานมิตร หรือ ลุงเทียบ เกษตรกรที่อาศัยอยู่ข้างโรงงาน เริ่มประสบปัญหาน้ำเน่า น้ำในสระหนองพะวา ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสถานที่ที่คนท้องถิ่นเคยใช้จับปลาและจัดงานลอยกระทง กลายเป็นสีส้ม มีฟอง และส่งกลิ่นเหม็นเน่า ช่วงนี้ประชาชนในพื้นที่ได้ร้องเรียนต่อหน่วยงานรัฐอีกหลายครั้ง จนกระทั่งต้องมีการจัดตั้งคณะทำงานไตรภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาขึ้นมา แต่คณะทำงาน ก็ไม่สามารถทำให้มีการแก้ปัญหาแต่อย่างใด ปี 2563 ความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างจนมิอาจหลีกเลี่ยง สวนยางของลุงเทียบกลายสภาพจนไม่เหลือเค้าเดิม บ่อน้ำในสวนกลายเป็นสีอำพันปนดำ กลิ่นสารเคมีตลบอบอวล ต้นยางยืนต้นตายเป็นหลักพันต้น การตรวจสอบของกรมควบคุมมลพิษในปีเดียวกัน พบว่า น้ำผิวดินรอบโรงงานมีสภาพเป็นกรด ทั้งยังพบการปนเปื้อนของสารโลหะหนักในน้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน รวมถึงบ่อบาดาลของประชาชน โดยสวนของลุงเทียบเป็นหนึ่งในจุดที่ปนเปื้อนรุนแรงที่สุด กรมควบคุมมลพิษตรวจพบสารทองแดง นิกเกิล แมงกานีส สังกะสีdafabet accumulator แคดเมียม ตะกั่ว ปรอท เกินเกณฑ์มาตรฐานที่ระบุไว้ในประกาศของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ค่ามาตรฐานเทียบเคียงคือ ค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ประเภทที่ 4 ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 เรื่อง กำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่รับน้ำทิ้งจากกิจกรรมบางประเภท และสามารถเป็นประโยชน์เพื่อ ก) การอุปโภคและบริโภคโดยต้องผ่านการฆ่าเชื้อโรคตามปกติ และผ่านกระบวนการปรับคุณภาพน้ำเป็นพิเศษก่อน ข) การอุตสาหกรรม) ความเสียหายที่เกิดขึ้นและความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาทำให้ประชาชนในพื้นที่ตัดสินใจยื่นฟ้อง บริษัท วิน โพรเสสฯ ในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 จากการตรวจสอบของกรมควบคุมมลพิษ น้ำในสวนยางของลุงเทียบและสระหนองพะวา ยังเป็นกรดและยังปนเปื้อนสารโลหะหนัก โดยยังมีสารบางตัวสูงเกินค่ามาตรฐานฯ ทั้งหมดนี้คือที่มาของคดีหนองพะวา-วินโพรเสส ซึ่งเมื่อวานนี้เป็นวันเริ่มการสืบพยานโจทก์ นี่เท่ากับเป็นจุดเริ่มต้นการทำงานของกระบวนการยุติธรรม ผลการพิพากษาในคดีนี้จะนำไปสู่การแก้ไขและเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่ ข้อเท็จจริงจะปรากฏออกมาอย่างไร เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องอาศัยการจับตามองของสังคมกันต่อไป
วันนี้ (15 มิ.ย.2566) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยนายพัชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร
วันนี้ (19 ต.ค.2565) มูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.2565) ศาลจังหวัดระยอง เริ่มสืบ
เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2564 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เซอร์เดวิด เอมิส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคคอ
วันนี้ (19 ต.ค.2565) มูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.2565) ศาลจังหวัดระยอง เริ่มสืบพยานเป็นครั้งแรกในคดีที่ชาวบ้านบ้านหนองพะวา หมู่ 4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง 15 ราย ยื่นฟ้องบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ในข้อหาก่อมลพิษสร้างความเสียหายแก่พื้นที่เกษตรกว่าร้อยไร่ โดยเรียกร้องให้จำเลยเยียวยาความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเป็นเงินมูลค่า 47 ล้านบาท รวมทั้งฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม สำหรับการสืบพยานในวันนี้เป็นการสืบพยานโจทก์ คดีนี้ชาวบ้านยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2564 ซึ่งชาวบ้านบ้านหนองพะวา ระบุว่า การตัดสินใจยื่นฟ้องคดีเกิดขึ้น หลังจากที่คนในพื้นที่ได้ประสบความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการรีไซเคิล ของบริษัท วิน โพรเสสฯ มานานนับสิบปี นับตั้งแต่ที่บริษัทแห่งนี้นำของเสียอุตสาหกรรมเข้ามากักเก็บไว้เมื่อปี 2556 ซึ่งในตอนนั้นบริษัทฯ ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการใด ๆ และประชาชนในพื้นที่ได้คัดค้านการจัดตั้งโรงงานดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น ต่อมา เมื่อเริ่มได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็น และปัญหาน้ำเน่าเสีย จึงได้ร้องเรียนให้หน่วยงานรัฐเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่ก็ไม่เป็นผล ปัญหามลพิษในพื้นที่ขยายวงกว้างขึ้น และยังส่งผลกระทบอยู่ทุกวันนี้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันคือ บริษัทฯ มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแล้ว 3 ใบ เบื้องหลังการสืบพยานในคดี “หนองพะวา-วินโพรเสส” ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวานนี้เป็นวันแรก ถือเป็นประวัติศาสตร์ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ และยังทิ้งร่องรอยความเสียหายบนสวนยาง และไร่นาของประชาชนในพื้นที่ จวบจนวันนี้ จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่ปี 2554 เมื่อบริษัท วิน โพรเสสฯ ได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการคัดแยกสิ่งปฏิกูล และวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นอันตราย จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม แต่ถูกคัดค้านจากชาวชุมชนบ้านหนองพะวานับตั้งแต่แรก หลักฐานการคัดค้านเกิดขึ้นในวันที่ 15 ก.พ.2555 โดยประชาชนในพื้นที่ 213 ราย มีการลงคะแนนเสียง ไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งโรงงานของบริษัทฯ ส่วนผู้เห็นด้วยมีเพียง 2 ราย และไม่แสดงความเห็นอีก 3 ราย กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงมีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแก่บริษัทฯ ในเวลาต่อมา วันที่ 1 เม.ย.2556 สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เข้าตรวจสอบกรณีลักลอบฝังกลบของเสียในพื้นที่ของบริษัท วิน โพรเสสฯ ผลการตรวจพบว่า มีการขุดบ่อในการฝังกลบจำนวน 3 บ่อ และพบการอัดก้อนกระดาษ คัดแยกขยะต่าง ๆ แบ่งเก็บน้ำมันเครื่องใช้แล้ว และแปรรูปน้ำมันเครื่อง มีอาคารโรงเก็บของ 5 โรง มีการเก็บขยะจำพวกเศษพลาสติก เศษเหล็ก ผงเหล็ก ทินเนอร์เก่า เศษสี และ น้ำมันเครื่องใช้แล้ว ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ต่อมาศูนย์วิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมโรงงานภาคตะวันออก เข้าร่วมตรวจสอบและเก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อมในโรงงาน โดยมีการขุดหลุมบริเวณที่ชาวบ้านสงสัยว่า จะมีการลักลอบฝังกลบไปแล้ว ซึ่งพบว่า มีไอระเหยจากหลุม ส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง รวมทั้งมีการตรวจวัดพบสารอินทรีย์ระเหยทั้งหมด (Total VOCs) สูงกว่า 60 ส่วนในล้านส่วน “จึงน่าเชื่อได้ว่ามีการปนเปื้อนของตัวทำละลาย (Solvent)” นอกจากนี้ยังได้ตรวจวัดน้ำจากหลุมฝังกลบ พบปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน (TPH) 37 มิลลิกรัม/ลิตร น้ำมัน และไขมัน 106 มิลลิกรัม/ลิตร จัดเป็นวัตถุอันตรายในลำดับที่ 50 (ของเสียผสมระหว่างน้ำมัน /น้ำ หรือไฮโดรคาร์บอน/น้ำ หรืออยู่ในรูปอิมัลชัน) ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อ วัตถุอันตราย พ.ศ.2538 เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน รวมตัวกันปักหลักชุมนุมหน้าพื้นที่ของบริษัทฯ ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้บริษัทฯ ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และดำเนินการขนย้ายของเสียและวัตถุอันตรายออกจากโรงงาน นอกจากนี้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทฯ ในข้อหาตั้งและประกอบกิจการโรงงานคัดแยกและรีไซเคิลของเสีย โดยไม่ได้รับอนุญาต และครอบครองวัตถุอันตราย โดยไม่ได้รับอนุญาต ระหว่างปี 2557-2559 บริษัท วิน โพรเสสฯ พยายามขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอีกสองครั้ง แต่ถูกชาวบ้านหนองพะวาคัดค้านทั้งสองรอบ โดยระบุว่า ที่ผ่านมาบริษัท วิน โพรเสสฯ ได้ดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน มาโดยตลอด ซ้ำยังมีพฤติกรรมเพิกเฉยคำสั่งหน่วยงานรัฐ และไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมาย ชาวบ้านจึงเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจบริษัทฯ โดยเอกสารคัดค้านฉบับหนึ่ง ยังระบุเจตนารมณ์ของชาวบ้านในพื้นที่ไว้อย่างชัดเจนว่า “พวกเราชาวบ้านผู้มีรายชื่อท้ายหนังสือนี้ ขอแสดงความคิดเห็นโต้แย้งการขออนุญาตตั้งโรงงาน รวมถึงคัดค้านให้ใช้ พื้นที่ดังกล่าวอย่างชัดเจน เพื่อปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตความเป็นอยู่สุขภาพอนามัยไว้ให้ลูกหลานของเราต่อไปในอนาคต” แต่แล้วในปี 2560 กรมโรงงานอุตสาหกรรม กลับมอบใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแก่บริษัท วิน โพรเสสฯ เป็นจำนวนถึง 3 ใบ ทำให้บริษัทฯ มีสถานะเป็นโรงงานถูกต้องตามกฎหมายขึ้นมา ท่ามกลางผลงานการก่อปัญหาที่ยังคาราคาซังสำหรับใบอนุญาตทั้ง 3 ใบ ได้แก่1.ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ 40 (1) และ 64 (11) ประกอบกิจการอัดเศษกระดาษ เศษโลหะ เศษพลาสติก และคัดแยกของใช้แล้วทั่วไป2.ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ 60 ประกอบกิจการหล่อหลอมโลหะ3.ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ 106 ประกอบกิจการรีไซเคิล คืนสภาพกรดด่าง ทำเชื้อเพลิงผสม ล้างภาชนะบรรจุภัณฑ์ด้วยตัวทำละลาย ในปีเดียวกันนั้น กรมโรงงานอุตสาหกรรมยังได้มอบใบอนุญาตถือครองวัตถุอันตรายจำพวกน้ำมันใช้แล้วแก่บริษัท วิน โพรเสสฯ อีก 4 ใบ หลังปี 2560 ปัญหามลพิษที่หนองพะวาทวีความรุนแรงขึ้นอย่างแจ้งชัด น้ำในลำรางหน้าโรงงานเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น มีพืชตาย ต้นหญ้าบนที่ดินทางทิศเหนือของโรงงานล้มตายเป็นบริเวณกว้าง ปลาและสัตว์น้ำในแหล่งน้ำใกล้โรงงานล้มตาย สวนยางของ นายเทียบ สมานมิตร หรือ ลุงเทียบ เกษตรกรที่อาศัยอยู่ข้างโรงงาน เริ่มประสบปัญหาน้ำเน่า น้ำในสระหนองพะวา ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสถานที่ที่คนท้องถิ่นเคยใช้จับปลาและจัดงานลอยกระทง กลายเป็นสีส้ม มีฟอง และส่งกลิ่นเหม็นเน่า ช่วงนี้ประชาชนในพื้นที่ได้ร้องเรียนต่อหน่วยงานรัฐอีกหลายครั้ง จนกระทั่งต้องมีการจัดตั้งคณะทำงานไตรภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาขึ้นมา แต่คณะทำงาน ก็ไม่สามารถทำให้มีการแก้ปัญหาแต่อย่างใด ปี 2563 ความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างจนมิอาจหลีกเลี่ยง สวนยางของลุงเทียบกลายสภาพจนไม่เหลือเค้าเดิม บ่อน้ำในสวนกลายเป็นสีอำพันปนดำ กลิ่นสารเคมีตลบอบอวล ต้นยางยืนต้นตายเป็นหลักพันต้น การตรวจสอบของกรมควบคุมมลพิษในปีเดียวกัน พบว่า น้ำผิวดินรอบโรงงานมีสภาพเป็นกรด ทั้งยังพบการปนเปื้อนของสารโลหะหนักในน้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน รวมถึงบ่อบาดาลของประชาชน โดยสวนของลุงเทียบเป็นหนึ่งในจุดที่ปนเปื้อนรุนแรงที่สุด กรมควบคุมมลพิษตรวจพบสารทองแดง นิกเกิล แมงกานีส สังกะสีdafabet accumulator แคดเมียม ตะกั่ว ปรอท เกินเกณฑ์มาตรฐานที่ระบุไว้ในประกาศของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ค่ามาตรฐานเทียบเคียงคือ ค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ประเภทที่ 4 ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 เรื่อง กำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่รับน้ำทิ้งจากกิจกรรมบางประเภท และสามารถเป็นประโยชน์เพื่อ ก) การอุปโภคและบริโภคโดยต้องผ่านการฆ่าเชื้อโรคตามปกติ และผ่านกระบวนการปรับคุณภาพน้ำเป็นพิเศษก่อน ข) การอุตสาหกรรม) ความเสียหายที่เกิดขึ้นและความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาทำให้ประชาชนในพื้นที่ตัดสินใจยื่นฟ้อง บริษัท วิน โพรเสสฯ ในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 จากการตรวจสอบของกรมควบคุมมลพิษ น้ำในสวนยางของลุงเทียบและสระหนองพะวา ยังเป็นกรดและยังปนเปื้อนสารโลหะหนัก โดยยังมีสารบางตัวสูงเกินค่ามาตรฐานฯ ทั้งหมดนี้คือที่มาของคดีหนองพะวา-วินโพรเสส ซึ่งเมื่อวานนี้เป็นวันเริ่มการสืบพยานโจทก์ นี่เท่ากับเป็นจุดเริ่มต้นการทำงานของกระบวนการยุติธรรม ผลการพิพากษาในคดีนี้จะนำไปสู่การแก้ไขและเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่ ข้อเท็จจริงจะปรากฏออกมาอย่างไร เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องอาศัยการจับตามองของสังคมกันต่อไป
วันนี้ (15 ก.ย.2564) นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านเฟ