วอลเลย์บอลสาวไทยรั้งอันดับ 10 ของโลก ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยขยับขึ้นมาติดอันดับ 10 ของโลกจากการจัดอันดับล่าสุดของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ วอลเลย์บอลสาวไทยรั้งอันดับ 10 ของโลก หลังจากทีมวอลเลย์บอล

แผนรักษาความปลอดภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ ระบุคำจำกัดความ "การขู่วางระเบิด (Bomb Theart)" ไว้ว่า การข่มขู่ผ่านช่องทางการสื่อสาร ซึ่งอาจจะทราบตัวผู้กระทำหรือไม่ทราบ โดยอาจจะเป็นการแนะนำหรือบอกเป็นนัย ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือเป็นความเท็จ ว่าความปลอดภัยของอากาศยานขณะำๆการบินหรือระหว่างอยู่ที่พื้น หรือความปลอดภัยของสิ่งอำนวยความสะดวกทางการบินพลเรือน หรือความปลอดภัยของบุคคลได้ถูกคุกคามและอยู่ในสถานการณ์อันตรายจากระเบิดหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งถือเป็นการกระทำอันเป็นการแทรกแซงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (Acts of unlawful interference) การขู่วางระเบิดบนเครื่องบินหรือในสนามบิน เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1970 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การก่อการร้ายทางอากาศเริ่มแพร่หลาย การขู่วางระเบิดกลายเป็นเครื่องมือหนึ่งที่กลุ่มก่อการร้ายใช้ในการกดดันรัฐบาลหรือเรียกร้องสิ่งที่ต้องการ เนื่องจากเครื่องบินเป็นสถานที่ปิดและเคลื่อนย้ายได้ยากในอากาศ ทำให้มีความเสี่ยงสูงและเป็นเป้าหมายที่ง่ายต่อการข่มขู่ แม้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยในสนามบินจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่การขู่ขวัญเกี่ยวกับระเบิดบนเครื่องบินก็ยังคงมีอยู่ ปัจจุบัน การขู่วางระเบิดสามารถกระทำได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโทรแจ้ง การส่งข้อความผ่านอีเมลหรือโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการทิ้งจดหมายขู่ไว้ในสนามบิน ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและสายการบินต่างต้องพร้อมรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างมีประสิทธิภาพ การขู่วางระเบิดมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตระหนกในหมู่ผู้โดยสาร แต่ยังส่งผลให้เครื่องบินต้องลงจอดฉุกเฉิน ทำให้เที่ยวบินถูกยกเลิกหรือล่าช้า และนำไปสู่การตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือการที่เหตุการณ์นี้อาจทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บหรือตายได้ หากระเบิดเกิดการระเบิดขึ้นจริง นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความเชื่อมั่นในระบบการบิน หลายกรณีที่เกิดขึ้น การขู่วางระเบิดมักจะเป็นการข่มขู่ที่ไม่มีระเบิดจริง แต่แม้กระนั้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถละเลยหรือลดความสำคัญของการขู่นี้ได้ เนื่องจากหากมีการละเลยและเกิดเหตุระเบิดขึ้นจริง ผลที่ตามมาจะเป็นเรื่องที่รุนแรงอย่างมาก การห้ามพูดคำว่า "ระเบิด" (หรือคำที่เกี่ยวข้อง) ขณะโดยสารเครื่องบิน มีสาเหตุหลักมาจากความกังวลด้านความปลอดภัยและการป้องกันสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ยากต่อการควบคุมในห้องโดยสาร เมื่อใครสักคนพูดถึงคำว่า "ระเบิด" ขึ้นมา อาจทำให้ลูกเรือหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องทำการตรวจสอบสถานการณ์ทันที ทำให้เกิดความยุ่งยากและทำให้การเดินทางล่าช้าหรือไม่สะดวก และอาจนำไปสู่การใช้งบประมาณและทรัพยากรของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบและจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่จำเป็น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในเที่ยวบินอื่น ๆ นอกจากนี้ คำต้องห้ามคำนี้อาจทำให้คนอื่นนึกถึงเหตุการณ์การขู่วางระเบิดบนเครื่องบินในอดีต ทำให้เกิดความไม่สบายใจในการเดินทาง หลายประเทศมีกฎหมายและนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับความปลอดภัยในการบิน การใช้คำว่า "ระเบิด" หรือการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง อาจถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือส่งผลให้มีการดำเนินการทางกฎหมาย สำหรับประเทศไทยนั้น พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2558 ม.22 ผู้ใดแจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จและการนั้นเป็นเหตุหรือน่าจะเป็นเหตุผู้ที่อยู่ในอากาศยานในระหว่างการบินตื่นตกใจผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 5 - 15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000 - 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อมีการขู่วางระเบิดบนเครื่องบิน กระบวนการจัดการจะมีขั้นตอนที่ชัดเจนและมีมาตรการด้านความปลอดภัยเข้มงวด สายการบินและเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินได้รับการฝึกอบรมในการรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ 1.ประเมินสถานการณ์ เมื่อเจ้าหน้าที่ของสายการบินได้รับแจ้งเรื่องการขู่วางระเบิด ขั้นตอนแรกต้องประเมินความน่าเชื่อถือของการขู่ดังกล่าว ด้วยการตรวจสอบแหล่งที่มาของการขู่ และหาข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของเหตุการณ์ รวมถึงสถานที่และเวลาที่อาจเกิดระเบิด 2.ลงจอดฉุกเฉิน หากมีการขู่ระหว่างเที่ยวบิน "กัปตัน" จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าควรทำการลงจอดฉุกเฉินหรือไม่ โดยพิจารณาจากสถานการณ์ เช่น ความน่าเชื่อถือของการขู่ และความพร้อมของสนามบินใกล้เคียงในการรับเครื่องบินลงจอดฉุกเฉิน 3.การอพยพผู้โดยสาร-ตรวจสอบเครื่องบิน เมื่อเครื่องบินลงจอด เจ้าหน้าที่จะอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินทันที โดยให้ผู้โดยสารนำสิ่งของส่วนตัวออกไปให้น้อยที่สุดเพื่อลดความเสี่ยง และทำการตรวจสอบเครื่องบินอย่างละเอียดโดยหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD 4.ตรวจสอบผู้โดยสารและสัมภาระโดยละเอียด ในบางกรณี ผู้โดยสารทุกคนอาจถูกนำไปสอบถามหรือซักถามเพิ่มเติมเพื่อหาข้อมูลและเบาะแสเพิ่มเติม สำหรับผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องบิน การขู่วางระเบิดเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตกใจและตื่นตระหนกอย่างแน่นอน การรู้วิธีปฏิบัติตนในสถานการณ์นี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงได้ 1.ปฏิบัติตามคำแนะนำของลูกเรือ เพราะลูกเรือของสายการบินได้รับการฝึกฝนเพื่อจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ รวมถึงการขู่วางระเบิด การปฏิบัติตามคำแนะนำของพวกเขาอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้การจัดการสถานการณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลูกเรืออาจจะสั่งให้ผู้โดยสารอยู่ในที่นั่ง รัดเข็มขัดนิรภัย และเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพ 2.มีสติ ไม่ตื่นตระหนก การตื่นตกใจอาจทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง และอาจทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นบนเครื่องบิน การฟังคำแนะนำจากลูกเรือจะช่วยลดความวิตกกังวลได้ 3.หลีกเลี่ยงการสื่อสารที่ไม่จำเป็น หยุดไลฟ์ หยุดถ่ายคลิป หยุดสร้างคอนเทนต์ การใช้โทรศัพท์มือถือหรือสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต อาจรบกวนสัญญาณหรือทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้ยากขึ้น อีกทั้งการสื่อสารที่มากเกินไปอาจทโปร สมาชิก ใหม่ ฝาก 50 รับ 150ำให้เกิดความตื่นตระหนกในวงกว้าง 4.แจ้งสิ่งผิดปกติให้ลูกเรือทราบ หากผู้โดยสารพบเห็นสิ่งของแปลกปลอม วัตถุต้องสงสัย หรือพฤติกรรมที่ไม่ปกติของผู้อื่น ควรแจ้งให้ลูกเรือทราบทันที อย่าตรวจสอบเอง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงได้ 5.พร้อมสำหรับการอพยพ กรณีต้องอพยพออกจากเครื่องบิน ให้ทำตามคำแนะนำของลูกเรือ เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น การสวมเสื้อชูชีพ เดินไปยังทางออกฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด ถอดรองเท้าส้นสูง กระเป๋าใบโตไม่ต้องเอาไป และให้อพยพด้วยความสงบ เรียงแถว ค่อย ๆ เดิน เพราะยิ่งรีบจะยิ่งช้า เมื่อผู้โดยสารเจอสิ่งของต้องสงสัย หรือ ระเบิดจริง ๆ ให้ตั้งสติ และ แจ้งลูกเรือทันที โดยให้ค่อย ๆ บอกสถานที่ ลักษณะสิ่งของ รูปร่าง ลักษณะให้ชัดเจน แบบใจเย็น ๆ อย่าสร้างความตื่นตระหนก ตกใจ ให้กับผู้โดยสารคนอื่น เพราะจะทำให้ลูกเรือคุมสถานการณ์ได้ยากมากขึ้น และอาจทำให้ผู้ก่อเหตุรู้ตัวได้ อย่าจับวัตถุต้องสงสัย อย่าย้ายที่โดยเด็ดขาด สิ่งที่ต้องย้ายออกมาคือตัวเอง และให้ถามลูกเรือว่าควรไปอยู่บริเวณใดของเครื่องบินที่จะปลอดภัยมากที่สุด อ่านข่าวเพิ่ม : เฮอร์ริเคน "เฮลีน" ถล่มฟลอริดารุนแรงระดับ 4 ประกาศภาวะฉุกเฉิน อันตรายไร้สาย! เทคโนโลยีก่อความไม่สงบ AI - อุปกรณ์สื่อสาร เปิดเบื้องหลัง ปมดรามา "ไล่แบคโฮ" ออกจากบ้านถ้ำผาจม แม่สาย

เก่า-ใหม่ ไม่สำคัญ เท่ากับศรัทธาในพุทธศาสนาและพระเกจิ ที่หนุนนำให้ “เจา เผิง (Zhao Peng)” ชาวจีนแผ่นดินใหญ่สนใจศึกษาและสะสมพระเครื่องไทยอย่างจริงจังมานานกว่า14 ปี ก่อนต่อยอดเชิงธุรกิจ เปิดศูนย์พระเครื

วันนี้ (1 เม.ย.2565) สำนักข่าว CNN รายงานว่า ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารประจำทำเนียบขาว ระบุว่า ยังไม่มีแ

นิยายชีวิต โดย : Muhammad Sukardi
เรื่องและภาพโดย : Muhammad Sukardi
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..