Home
|
happy live22

มีนิวไฮ แต่ยังไม่หายห่วง! ข้อท้วงติงจาก ดร.สามารถ

happy live22

ต่อไปนี้พ่อแม่จะสามารถเข้าใจความต้องการของลูกน้อยได้มากขึ้นอีกขั้น ด้วยแอปพลิเคชันบนมือถือที่มีชื่อว่า "Motherhood Guide" ซึ่งพัฒนาโดยวัยรุ่นชาวปาเลสไตน์โดยใช้เทคโนโลยีระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งแอปพล

วันนี้ (16 พ.ย.2565) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้มีการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อให้กองทุนหลักประกันสุขภาพสามารถดูแลประชาชนอย่างทั

ขณะที่ไทยที่กำลังเผชิญสภาวะอุทกภัยอย่างหนักหน่วง "ญี่ปุ่น" ก็ประสบปัญหาดังกล่าว เช่นเดียวกัน ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จังหวัดอิชิกาวะ ประเทศญี่ปุ่น มีฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม มีผู้เสียชีวิต 6 คน และสูญหายรวม 10 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ก.ย.2567) แม้จะเป็น 1 ในประเทศที่มีพื้นที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติมากที่สุดในโลก แต่ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีการรับมือภัยพิบัติอันดับต้น ๆ ของโลกเช่นกัน จากสถิติ Hyogo Framework Disaster Risk Progress Score ที่จัดอันดับประเทศที่บริหารจัดการภัยพิบัติได้ดีที่สุดในโลก พบว่า ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยคะแนน 4.5 (เต็ม 5) ในช่วงปี 2548-2558 และยังเป็นประเทศในทวีปเอเชียประเทศเดียวที่ติดอันดับ Top 10 อีกด้วย โดยเฉพาะ "Jhappy live22-Alert" ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติล่วงหน้า ที่ช่วยให้ลดอัตราการสูญเสียชีวิตในญี่ปุ่นลงราวร้อยละ 97 เมื่อเทียบกับช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1950 และยังช่วยลดอัตราการสูญเสียทรัพย์สินกว่าร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1950 เช่นกัน เป็นต้นแบบและมาตรฐานให้แก่ประเทศต่าง ๆ ถอดบทเรียนและนำไปประยุกต์ใช้ต่อการแจ้งเตือนภัยพิบัติไปทั่วโลก ที่มา: Our World in Data ที่มา: Our World in Data ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นับเฉพาะอุทกภัยในญี่ปุ่น พบว่า ในปี 2564 แม้จะมีอัตราการเผชิญอุทกภัยเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยโดยอยู่ในอัตราร้อยละ 30 ในรอบ 30 ปี แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกลับมีความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นกว่า 3.5 เท่าในรอบ 30 ปี หมายความว่า อุทกภัยที่เผชิญในปัจจุบัน สร้างความเสียหายเพิ่มมากขึ้นในจำนวนเท่า ๆ กันในอดีต ด้วยมาตรการป้องกันภัยพิบัติที่แข็งแกร่งของญี่ปุ่น จึงมีคำถามว่า เหตุใดผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมจึงทวีความรุนแรงขึ้น ? หรือไม่แน่ว่า ปัญหาสำคัญของการรับมืออุทกภัยที่ประสิทธิภาพต่ำกว่ามาตรฐาน อาจมาจากมาตรการที่แทบไม่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ อย่างเช่น "การพัฒนาเมือง" ของญี่ปุ่นเอง ? จากรายงานของ Nikkei Asia เรื่อง Japan's exacerbated by urban development ได้ให้ข้อเสนอที่น่าสนใจว่า นโยบายการพัฒนาเมืองของญี่ปุ่นเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ประสบกับอุทกภัยที่รุนแรงขึ้น ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติญี่ปุ่นชี้ให้เห็นว่า ประชาชนนิยมอาศัยอยู่บริเวณที่ราบลุ่มและพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดน้ำท่วมมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในรอบ 25 ปี ในปี 2563 มีประชาชนจำนวน 24.59 คนที่อาศัยในบริเวณเสี่ยงภัยดังกล่าว เทียบกับปี 2538 ที่มีประชากรอยู่อาศัย ณ บริเวณนั้น 23.83 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 760,000 ล้านคน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 3 ที่มา: Nikkei Asia ที่มา: Nikkei Asia อีกทั้ง ชาวญี่ปุ่นนิยมสร้างบ้านเรือนบริเวณที่ราบลุ่ม เนื่องจากยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณดังกล่าวมีโรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจต่าง ๆ เข้าไปตั้งฐานการผลิตจำนวนมาก เพราะมีทางออกสู่แม่น้ำและทะเล สะดวกต่อระบบขนส่งโลจิสติกส์ รวมถึงมีการสร้างเขื่อนและคันกั้นน้ำจากรัฐบาลจำนวนมาก เพื่อดึงดูดการตั้งฐานการผลิต แน่นอน เมื่อธุรกิจตั้งอยู่ที่ใด ที่อยู่อาศัยย่อมตามมาเสมอ ในปี 2543 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายผังเมืองฉบับใหม่ เน้นพัฒนาพื้นที่ตามต่างจังหวัดให้เป็นเมือง เอื้อให้ประชาชนมุ่งหน้าเข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารจัดการอุทกภัย เพราะในขณะที่แผนงานป้องกันอุทกภัยยังคงเดิม แต่ประชาชนและสิ่งปลูกสร้างใหม่ ๆ กลับเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เท่ากับว่า "แผนงานป้องกันน้ำท่วมตามไม่ทันการเติบโตของพื้นที่และประชากร" ยาสุโนริ ฮาดะ ศาสตราจารย์ประจำวิทยาลัยบริหารความเสี่ยง มหาวิทยาลัยนิฮง ชี้ว่า "จำนวนผู้อยู่อาศัยและประกอบธุรกิจในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยมีเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อค้นพบนี้ ส่งผลกระทบไม่เพียงแต่การพัฒนาพื้นที่ราบลุ่มเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการใช้งานเครื่องมือเครื่องใช้ดิจิทัลของภาคธุรกิจและภาคประชาชนอีกด้วย" เมื่อค้นพบว่า การพัฒนาเมืองของญี่ปุ่นทำให้เสี่ยงต่อการประสบอุทกภัยที่รุนแรงขึ้น ผลที่ตามมา คือ การพัฒนาพื้นที่ราบลุ่มก็จะลดลง การบริโภคสินค้าดิจิทัลก็จะลดลง เพราะเสี่ยงต่อความเสียหายได้ง่ายจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นบ่อย ทำให้อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เน้นพัฒนาสินค้าดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์อีกทอดหนึ่ง ข้อมูลจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บรรดาธุรกิจที่ตั้งฐานการผลิตบริเวณพื้นที่พัฒนาราบลุ่มแม่น้ำหรือที่ราบต่ำ ไม่ได้ตระหนักถึงแผนรับมืออุทกภัยที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของตน โดยมีเพียงร้อยละ 50 ของบริษัททั้งหมดในพื้นที่ราบลุ่มเท่านั้นที่จัดทำแผนการบริหารอุทกภัย เพราะส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 98 เน้นหนักไปที่แผนการรับมือแผ่นดินไหวเสียมากกว่า ทั้งที่จริง ๆ นั้น ความเสียหายของน้ำท่วมในญี่ปุ่น มีมูลค่ามากกว่าแผ่นดินไหวหลายเท่า จากสถิติของ Statista พบว่า ในปี 2563 ความเสียหายจากน้ำท่วมและดินโคลนถล่มในญี่ปุ่นอยู่ที่ 286.73 ล้านเยน ส่วนแผ่นดินไหวอยู่ที่ 28.73 ล้านเยน น้อยกว่าถึง 10 เท่า นั่นหมายความว่า มาตรการจากภาครัฐอาจไม่ครอบคลุมและบังคับใช้ต่อธุรกิจที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้มากพอ ดังที่ โคจิ อิเคอุจิ ศาสตราจารย์กิตติคุณแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้กล่าวไว้ว่า "ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำกำลังเผชิญความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายทั้งความปลอยภัยของชีวิตและทรัพสินและการพัฒนาพื้นที่ไปพร้อม ๆ กัน" อ่านข่าว “ทองคำ” ปิดตลาดบวก 50 บาท อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง พบ 2 ศพน้ำซัดจากขุนตาน "เชียงใหม่" ฝนถล่ม-ปิดน้ำตก

วันนี้ (27 มิ.ย.2565) สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ทางการรัสเซีย เปิดเผยว่า โอนเงิน 100 ล้านดอลลาร์สห

ขณะที่ไทยที่กำลังเผชิญสภาวะอุทกภัยอย่างหนักหน่วง "ญี่ปุ่น" ก็ประสบปัญหาดังกล่าว เช่นเดียวกัน ในช่วงส

เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน กลุ่มผู้ปกครองของนักเรียน โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สวนผึ้ง จ.

ขณะที่ไทยที่กำลังเผชิญสภาวะอุทกภัยอย่างหนักหน่วง "ญี่ปุ่น" ก็ประสบปัญหาดังกล่าว เช่นเดียวกัน ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จังหวัดอิชิกาวะ ประเทศญี่ปุ่น มีฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม มีผู้เสียชีวิต 6 คน และสูญหายรวม 10 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ก.ย.2567) แม้จะเป็น 1 ในประเทศที่มีพื้นที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติมากที่สุดในโลก แต่ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีการรับมือภัยพิบัติอันดับต้น ๆ ของโลกเช่นกัน จากสถิติ Hyogo Framework Disaster Risk Progress Score ที่จัดอันดับประเทศที่บริหารจัดการภัยพิบัติได้ดีที่สุดในโลก พบว่า ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยคะแนน 4.5 (เต็ม 5) ในช่วงปี 2548-2558 และยังเป็นประเทศในทวีปเอเชียประเทศเดียวที่ติดอันดับ Top 10 อีกด้วย โดยเฉพาะ "Jhappy live22-Alert" ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติล่วงหน้า ที่ช่วยให้ลดอัตราการสูญเสียชีวิตในญี่ปุ่นลงราวร้อยละ 97 เมื่อเทียบกับช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1950 และยังช่วยลดอัตราการสูญเสียทรัพย์สินกว่าร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1950 เช่นกัน เป็นต้นแบบและมาตรฐานให้แก่ประเทศต่าง ๆ ถอดบทเรียนและนำไปประยุกต์ใช้ต่อการแจ้งเตือนภัยพิบัติไปทั่วโลก ที่มา: Our World in Data ที่มา: Our World in Data ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นับเฉพาะอุทกภัยในญี่ปุ่น พบว่า ในปี 2564 แม้จะมีอัตราการเผชิญอุทกภัยเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยโดยอยู่ในอัตราร้อยละ 30 ในรอบ 30 ปี แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกลับมีความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นกว่า 3.5 เท่าในรอบ 30 ปี หมายความว่า อุทกภัยที่เผชิญในปัจจุบัน สร้างความเสียหายเพิ่มมากขึ้นในจำนวนเท่า ๆ กันในอดีต ด้วยมาตรการป้องกันภัยพิบัติที่แข็งแกร่งของญี่ปุ่น จึงมีคำถามว่า เหตุใดผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมจึงทวีความรุนแรงขึ้น ? หรือไม่แน่ว่า ปัญหาสำคัญของการรับมืออุทกภัยที่ประสิทธิภาพต่ำกว่ามาตรฐาน อาจมาจากมาตรการที่แทบไม่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ อย่างเช่น "การพัฒนาเมือง" ของญี่ปุ่นเอง ? จากรายงานของ Nikkei Asia เรื่อง Japan's exacerbated by urban development ได้ให้ข้อเสนอที่น่าสนใจว่า นโยบายการพัฒนาเมืองของญี่ปุ่นเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ประสบกับอุทกภัยที่รุนแรงขึ้น ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติญี่ปุ่นชี้ให้เห็นว่า ประชาชนนิยมอาศัยอยู่บริเวณที่ราบลุ่มและพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดน้ำท่วมมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในรอบ 25 ปี ในปี 2563 มีประชาชนจำนวน 24.59 คนที่อาศัยในบริเวณเสี่ยงภัยดังกล่าว เทียบกับปี 2538 ที่มีประชากรอยู่อาศัย ณ บริเวณนั้น 23.83 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 760,000 ล้านคน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 3 ที่มา: Nikkei Asia ที่มา: Nikkei Asia อีกทั้ง ชาวญี่ปุ่นนิยมสร้างบ้านเรือนบริเวณที่ราบลุ่ม เนื่องจากยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณดังกล่าวมีโรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจต่าง ๆ เข้าไปตั้งฐานการผลิตจำนวนมาก เพราะมีทางออกสู่แม่น้ำและทะเล สะดวกต่อระบบขนส่งโลจิสติกส์ รวมถึงมีการสร้างเขื่อนและคันกั้นน้ำจากรัฐบาลจำนวนมาก เพื่อดึงดูดการตั้งฐานการผลิต แน่นอน เมื่อธุรกิจตั้งอยู่ที่ใด ที่อยู่อาศัยย่อมตามมาเสมอ ในปี 2543 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายผังเมืองฉบับใหม่ เน้นพัฒนาพื้นที่ตามต่างจังหวัดให้เป็นเมือง เอื้อให้ประชาชนมุ่งหน้าเข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารจัดการอุทกภัย เพราะในขณะที่แผนงานป้องกันอุทกภัยยังคงเดิม แต่ประชาชนและสิ่งปลูกสร้างใหม่ ๆ กลับเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เท่ากับว่า "แผนงานป้องกันน้ำท่วมตามไม่ทันการเติบโตของพื้นที่และประชากร" ยาสุโนริ ฮาดะ ศาสตราจารย์ประจำวิทยาลัยบริหารความเสี่ยง มหาวิทยาลัยนิฮง ชี้ว่า "จำนวนผู้อยู่อาศัยและประกอบธุรกิจในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยมีเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อค้นพบนี้ ส่งผลกระทบไม่เพียงแต่การพัฒนาพื้นที่ราบลุ่มเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการใช้งานเครื่องมือเครื่องใช้ดิจิทัลของภาคธุรกิจและภาคประชาชนอีกด้วย" เมื่อค้นพบว่า การพัฒนาเมืองของญี่ปุ่นทำให้เสี่ยงต่อการประสบอุทกภัยที่รุนแรงขึ้น ผลที่ตามมา คือ การพัฒนาพื้นที่ราบลุ่มก็จะลดลง การบริโภคสินค้าดิจิทัลก็จะลดลง เพราะเสี่ยงต่อความเสียหายได้ง่ายจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นบ่อย ทำให้อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เน้นพัฒนาสินค้าดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์อีกทอดหนึ่ง ข้อมูลจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บรรดาธุรกิจที่ตั้งฐานการผลิตบริเวณพื้นที่พัฒนาราบลุ่มแม่น้ำหรือที่ราบต่ำ ไม่ได้ตระหนักถึงแผนรับมืออุทกภัยที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของตน โดยมีเพียงร้อยละ 50 ของบริษัททั้งหมดในพื้นที่ราบลุ่มเท่านั้นที่จัดทำแผนการบริหารอุทกภัย เพราะส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 98 เน้นหนักไปที่แผนการรับมือแผ่นดินไหวเสียมากกว่า ทั้งที่จริง ๆ นั้น ความเสียหายของน้ำท่วมในญี่ปุ่น มีมูลค่ามากกว่าแผ่นดินไหวหลายเท่า จากสถิติของ Statista พบว่า ในปี 2563 ความเสียหายจากน้ำท่วมและดินโคลนถล่มในญี่ปุ่นอยู่ที่ 286.73 ล้านเยน ส่วนแผ่นดินไหวอยู่ที่ 28.73 ล้านเยน น้อยกว่าถึง 10 เท่า นั่นหมายความว่า มาตรการจากภาครัฐอาจไม่ครอบคลุมและบังคับใช้ต่อธุรกิจที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้มากพอ ดังที่ โคจิ อิเคอุจิ ศาสตราจารย์กิตติคุณแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้กล่าวไว้ว่า "ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำกำลังเผชิญความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายทั้งความปลอยภัยของชีวิตและทรัพสินและการพัฒนาพื้นที่ไปพร้อม ๆ กัน" อ่านข่าว “ทองคำ” ปิดตลาดบวก 50 บาท อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง พบ 2 ศพน้ำซัดจากขุนตาน "เชียงใหม่" ฝนถล่ม-ปิดน้ำตก

สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ยังไม่คลี่คลาย สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดภาคเหนือและภาคกลาง ย