วันนี้ (24 มี.ค.2567) ประชาชนในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิ

วันนี้ (16 ธ.ค.2565) เวลา 13.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ยังอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ทรงเยี่ยมพระอาการป
วันนี้ (9 มี.ค.2566) เวลาประมาณ 11.45 น. ตำรวจ สน.พญาไท ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดที่ หน้าห้างแพลตตินัม ถนนเพชรบุรี พบผู้บาดเจ็บ (เสียชีวิตในเวลาต่อมา) เป็นหญิงชาวเมียนมา อายุ 34 ปี ในที่
นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บอกเล่าเบื้องหลังความสำเร็จของการขยายพันธุ์พญาแร้งในไทย ว่า ใช้เวลาเกือบ 2 ปี นทาง เข้า fun88 มือ ถือับจากการนำ “ป๊อก-มิ่ง” พ่อแม่ “พญาแร้ง” คู่แรก กลับคืนสู่หน่วยซับฟ้าผ่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2565 กระทั่งลูกพญาแร้งตัวแรกเกิดในกรงเลี้ยงขนาดใหญ่ ท่ามกลางป่าธรรมชาติ ลูกพญาแร้งตัวแรกในป่าห้วยขาแข้ง เป็นความร่วมมือขององค์การสวนสัตว์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และพันธมิตรหลายหน่วยงาน ที่พยายามศึกษาวิจัยและจับคู่พญาแร้งให้ขยายพันธุ์เองในธรรมชาติ "มิ่ง" พญาแร้งตัวเมีย ที่อยู่ในความดูแลของกรมอุทยานฯ และ "ป๊อก" พญาแร้งตัวผู้จากสวนสัตว์นครราชสีมา ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักและเข้าหากันจนสามารถอยู่ร่วมกันในกรงขนาดใหญ่ที่หน่วยซับฟ้าผ่า กระทั่งเร็ว ๆ นี้ได้เกี้ยวพาราสีกัน ช่วยกันทำรัง สร้างความตื่นเต้นให้ทีมวิจัยที่เฝ้าดูการจับคู่ในครั้งนี้ วันปล่อย 2 พญาแร้งในกรงขนาดใหญ่กลางป่าซับฟ้าผ่า วันปล่อย 2 พญาแร้งในกรงขนาดใหญ่กลางป่าซับฟ้าผ่า ไข่ฟองแรกจากพญาแร้งคู่นี้ เป็นก้าวแรกของความสำเร็จ ทีมวิจัยยังต้องเผชิญการตัดสินใจครั้งใหญ่ว่าจะเลือกให้พ่อแม่ฟักเอง หรือนำเก็บไข่จากกรงมาฟักในตู้เลี้ยง สุดท้ายทีมเลือกที่จะให้ทั้งคู่ได้ฟักไข่ลูกด้วยตัวเอง ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ตลอดระยะการฟักไข่ 50 วัน ทีมนักวิจัยเฝ้ารอวันที่ลูกพญาแร้งลืมตาดูโลก กระทั่งถึงนาทีแห่งความตื่นเต้นและตื้นตันใจ เมื่อเห็นภาพลูกนกพยายามเจาะไข่ออกมา นายอรรถพร เล่าว่า ตนเองได้รับโทรศัพท์จากห้วยขาแข้ง ว่า มีข่าวดีและรอลุ้นกัน เป็นความตื้นตันของนักวิจัยว่าสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จแล้ว ไทยมีลูกพญาแร้งตัวที่ 2 ในกรงเลี้ยง และเป็นตัวแรกที่เกิดขึ้นในถิ่นกำเนิด ป่าห้วยขาแข้ง ส่วนแผนการดูแลหลังจากนี้ จะให้พ่อแม่พญาแร้งเลี้ยงดูลูกต่อไป โดยนักวิจัยจะศึกษาพฤติกรรมจากกล้องวงจรปิด และเฝ้าระวังเงื่อนไขต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น หากลูกแร้งพัฒนาเติบโตได้ดีก็จะปล่อยให้เลี้ยงในธรรมชาติต่อไป เบื้องต้นยังไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับทีมวิจัยเข้าพื้นที่ เพราะต้องการให้ลูกพญาแร้งเติบโตแข็งแรง กินอาหาร เคลื่อนไหวได้ดี อย่างน้อยใช้เวลา 30 วัน ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย หวังว่าในในอนาคตไทยจะมีประชากรพญาแร้งเพิ่มขึ้นมากจนสามารถปล่อยและขยายพันธุ์ในธรรมชาติได้ ชัยอนันต์ โภคสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ประสานงาน ผู้รับผิดชอบโครงการฟื้นฟูพญาแร้งคืนถิ่น บอกถึงความรู้สึกอิ่มเอมใจในก้าวที่ 3 เพราะนับจากก้าวแรกที่ทำกรงเลี้ยงกลางป่ากว่าจะจำลองกรงขนาดใหญ่ได้สำเร็จ จนก้าวที่ 2 การปล่อยพญาแร้งคู่แรกกลับบ้านเกิดเมื่อ 14 ก.พ.2565 และได้เห็นพัฒนาการของทั้งคู่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพพื้นที่ห้วยขาแข้งอยู่เคียงคู่กัน ในที่สุดได้ "ไข่ใบแรก" ในปีนี้ จนลูกนกออกมาลืมตาดูโลกกว้างเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือเป็นความสำเร็จที่รอคอยมาตลอด 2 ปี เขาบอกว่า ทีมเฝ้าดูป๊อก-มิ่งผ่านกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมงที่ทำไว้บนรังความสูง 15 เมตร นับแต่เห็นการเริ่มสร้างรัง จนมีไข่ออกมาในช่วง 50 วัน เห็นทั้งคู่เฝ้าประคบประหงมผลัดกันกกไข่ ไม่ห่าง เรียกว่าเขามีสัญชาติญาณดีมาก เพราะพฤติกรรมของพญาแร้ง คือช่วยกันเลี้ยงลูก ชัยอนันต์ บอกว่า สำหรับตัวเองเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ร่วมกับทีมวิจัยจากหลายภาคส่วนที่อยากเห็นพญาแร้งโบยบินในถิ่นกำเนิดคือป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เป็นความท้าทายที่คนกว่า 10 คนอดทนรอคอย ซึ่งตัวเองใช้เวลากับการอยู่ในพื้นที่ราวครึ่งเดือน เพื่อติดตามและเก็บข้อมูลงานวิจัย เขาบอกว่า ห้วยขาแข้งแทบจะเป็นบ้านหลังที่สอง ใช้ชีวิตร่วมกับทีมวิจัยพญาแร้งในหน่วยซับฟ้าผ่า ซึ่งเป็นจุดที่เคยมีพญาแร้งอาศัยอยู่ และสัตว์ป่าในห่วงโซ่อื่น ๆ ทั้งวัวแดง ช้าง เสือ โดยเข้าไปใกล้กรงน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนพญาแร้งและมีกลิ่นของคน เนื่องจากยังต้องมีอาหารไปให้พ่อและแม่กินวันเว้นวันราว 300 กรัมต่อตัว หลังจากนี้ต้องรอดูพัฒนาการของลูกนกอย่างต่อเนื่อง ลุ้นต่อทุก 7 วัน 15 วัน และครบ 30 วัน ถึงจะเรียกว่าเป็นพญาแร้งตัวที่ 8 ของไทย อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง รอบ 30 ปี "ลูกพญาแร้ง" กะเทาะเปลือกไข่ลืมตาดูโลกป่าห้วยขาแข้ง สุดดีใจ! "มิ่ง พญาแร้ง" ออกไข่ใบแรกกลางป่าห้วยขาแข้ง สำเร็จ! “พญาแร้ง" คู่แรก กลับบ้าน "ห้วยขาแข้ง" ในรอบ 30 ปี เปิดบ้านกลางป่า "พญาแร้ง" ก่อนส่งตัว 14 ก.พ.นี้
นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บอกเล่าเบื้
องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน Fortify Rights “ฟอร์ตี้ฟายไรต์” ออกแถลงการณ์วานนี้ (14 เม.ย.66) เรียกร้องให้ป
วันนี้ (9 ม.ค.2568) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตรวจค้นอาคารที่ตั้งภายใน บ.แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.นาวังหิน
นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บอกเล่าเบื้องหลังความสำเร็จของการขยายพันธุ์พญาแร้งในไทย ว่า ใช้เวลาเกือบ 2 ปี นทาง เข้า fun88 มือ ถือับจากการนำ “ป๊อก-มิ่ง” พ่อแม่ “พญาแร้ง” คู่แรก กลับคืนสู่หน่วยซับฟ้าผ่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2565 กระทั่งลูกพญาแร้งตัวแรกเกิดในกรงเลี้ยงขนาดใหญ่ ท่ามกลางป่าธรรมชาติ ลูกพญาแร้งตัวแรกในป่าห้วยขาแข้ง เป็นความร่วมมือขององค์การสวนสัตว์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และพันธมิตรหลายหน่วยงาน ที่พยายามศึกษาวิจัยและจับคู่พญาแร้งให้ขยายพันธุ์เองในธรรมชาติ "มิ่ง" พญาแร้งตัวเมีย ที่อยู่ในความดูแลของกรมอุทยานฯ และ "ป๊อก" พญาแร้งตัวผู้จากสวนสัตว์นครราชสีมา ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักและเข้าหากันจนสามารถอยู่ร่วมกันในกรงขนาดใหญ่ที่หน่วยซับฟ้าผ่า กระทั่งเร็ว ๆ นี้ได้เกี้ยวพาราสีกัน ช่วยกันทำรัง สร้างความตื่นเต้นให้ทีมวิจัยที่เฝ้าดูการจับคู่ในครั้งนี้ วันปล่อย 2 พญาแร้งในกรงขนาดใหญ่กลางป่าซับฟ้าผ่า วันปล่อย 2 พญาแร้งในกรงขนาดใหญ่กลางป่าซับฟ้าผ่า ไข่ฟองแรกจากพญาแร้งคู่นี้ เป็นก้าวแรกของความสำเร็จ ทีมวิจัยยังต้องเผชิญการตัดสินใจครั้งใหญ่ว่าจะเลือกให้พ่อแม่ฟักเอง หรือนำเก็บไข่จากกรงมาฟักในตู้เลี้ยง สุดท้ายทีมเลือกที่จะให้ทั้งคู่ได้ฟักไข่ลูกด้วยตัวเอง ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ตลอดระยะการฟักไข่ 50 วัน ทีมนักวิจัยเฝ้ารอวันที่ลูกพญาแร้งลืมตาดูโลก กระทั่งถึงนาทีแห่งความตื่นเต้นและตื้นตันใจ เมื่อเห็นภาพลูกนกพยายามเจาะไข่ออกมา นายอรรถพร เล่าว่า ตนเองได้รับโทรศัพท์จากห้วยขาแข้ง ว่า มีข่าวดีและรอลุ้นกัน เป็นความตื้นตันของนักวิจัยว่าสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จแล้ว ไทยมีลูกพญาแร้งตัวที่ 2 ในกรงเลี้ยง และเป็นตัวแรกที่เกิดขึ้นในถิ่นกำเนิด ป่าห้วยขาแข้ง ส่วนแผนการดูแลหลังจากนี้ จะให้พ่อแม่พญาแร้งเลี้ยงดูลูกต่อไป โดยนักวิจัยจะศึกษาพฤติกรรมจากกล้องวงจรปิด และเฝ้าระวังเงื่อนไขต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น หากลูกแร้งพัฒนาเติบโตได้ดีก็จะปล่อยให้เลี้ยงในธรรมชาติต่อไป เบื้องต้นยังไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับทีมวิจัยเข้าพื้นที่ เพราะต้องการให้ลูกพญาแร้งเติบโตแข็งแรง กินอาหาร เคลื่อนไหวได้ดี อย่างน้อยใช้เวลา 30 วัน ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย หวังว่าในในอนาคตไทยจะมีประชากรพญาแร้งเพิ่มขึ้นมากจนสามารถปล่อยและขยายพันธุ์ในธรรมชาติได้ ชัยอนันต์ โภคสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ประสานงาน ผู้รับผิดชอบโครงการฟื้นฟูพญาแร้งคืนถิ่น บอกถึงความรู้สึกอิ่มเอมใจในก้าวที่ 3 เพราะนับจากก้าวแรกที่ทำกรงเลี้ยงกลางป่ากว่าจะจำลองกรงขนาดใหญ่ได้สำเร็จ จนก้าวที่ 2 การปล่อยพญาแร้งคู่แรกกลับบ้านเกิดเมื่อ 14 ก.พ.2565 และได้เห็นพัฒนาการของทั้งคู่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพพื้นที่ห้วยขาแข้งอยู่เคียงคู่กัน ในที่สุดได้ "ไข่ใบแรก" ในปีนี้ จนลูกนกออกมาลืมตาดูโลกกว้างเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือเป็นความสำเร็จที่รอคอยมาตลอด 2 ปี เขาบอกว่า ทีมเฝ้าดูป๊อก-มิ่งผ่านกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมงที่ทำไว้บนรังความสูง 15 เมตร นับแต่เห็นการเริ่มสร้างรัง จนมีไข่ออกมาในช่วง 50 วัน เห็นทั้งคู่เฝ้าประคบประหงมผลัดกันกกไข่ ไม่ห่าง เรียกว่าเขามีสัญชาติญาณดีมาก เพราะพฤติกรรมของพญาแร้ง คือช่วยกันเลี้ยงลูก ชัยอนันต์ บอกว่า สำหรับตัวเองเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ร่วมกับทีมวิจัยจากหลายภาคส่วนที่อยากเห็นพญาแร้งโบยบินในถิ่นกำเนิดคือป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เป็นความท้าทายที่คนกว่า 10 คนอดทนรอคอย ซึ่งตัวเองใช้เวลากับการอยู่ในพื้นที่ราวครึ่งเดือน เพื่อติดตามและเก็บข้อมูลงานวิจัย เขาบอกว่า ห้วยขาแข้งแทบจะเป็นบ้านหลังที่สอง ใช้ชีวิตร่วมกับทีมวิจัยพญาแร้งในหน่วยซับฟ้าผ่า ซึ่งเป็นจุดที่เคยมีพญาแร้งอาศัยอยู่ และสัตว์ป่าในห่วงโซ่อื่น ๆ ทั้งวัวแดง ช้าง เสือ โดยเข้าไปใกล้กรงน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนพญาแร้งและมีกลิ่นของคน เนื่องจากยังต้องมีอาหารไปให้พ่อและแม่กินวันเว้นวันราว 300 กรัมต่อตัว หลังจากนี้ต้องรอดูพัฒนาการของลูกนกอย่างต่อเนื่อง ลุ้นต่อทุก 7 วัน 15 วัน และครบ 30 วัน ถึงจะเรียกว่าเป็นพญาแร้งตัวที่ 8 ของไทย อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง รอบ 30 ปี "ลูกพญาแร้ง" กะเทาะเปลือกไข่ลืมตาดูโลกป่าห้วยขาแข้ง สุดดีใจ! "มิ่ง พญาแร้ง" ออกไข่ใบแรกกลางป่าห้วยขาแข้ง สำเร็จ! “พญาแร้ง" คู่แรก กลับบ้าน "ห้วยขาแข้ง" ในรอบ 30 ปี เปิดบ้านกลางป่า "พญาแร้ง" ก่อนส่งตัว 14 ก.พ.นี้
วันนี้ (24 ก.พ.2567) นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โ