วันนี้ (7 ธ.ค.2567) ตำรวจ สน.วังทองหลาง เข้าตรวจค้

ปัจจุบันโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง ให้การรักษา "พลายโด้" ช้างชราอายุ 59 ปี ระหว่างที่สัตวแพทย์กำลังทำความสะอาดแผลบริเวณขาหน้าด้านซ้ายที่เป็นฝี มีหนอง และแผลถลอกบริเ
วันนี้ (29 พ.ค.2564) นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีพนักงานเก็บค่าโดยสาร สาย 62 ท่าน้ำสาธุประดิษฐ์-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพศชาย อายุ 33 ปี
วันนี้ (24 มี.ค.2568) สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาควบคุมราคาค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์ของ รพ.เอกชน หลังพบว่ามีการตั้งราคาสูงเกินจริงอย่างน่าตกใจ โดยยกตัวอย่างเวชภัณฑ์ 4 ชนิดที่เปรียบเทียบราคาท้องตลาดกับราคาที่ รพ.เอกชน เรียกเก็บ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่ผู้บริโภคต้องเผชิญมานาน มีการเปิดเผยข้อมูล ดังนี้ ข้อมูลเหล่านี้มาจากใบเสร็จที่ผู้บริโภคนำมาร้องเรียนกับสภาฯ แสดงให้เห็นว่าราคาค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนกำลังสร้างภาระหนักให้ประชาชน ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว ย้อนไปเมื่อวันที่ 20 มี.ค.2568 สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อขอให้ทบทวนนโยบาย "ร่วมจ่าย" (Co-payment) ในสัญญาประกันภัยสุขภาพ เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากบ่นว่าการต้องร่วมจ่ายร้อยละ 30-50 นั้นสูงเกินไป โดยนายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค อธิบายว่า ตามคำสั่งของ คปภ. หากผู้เอาประกันเคลมสินไหมเกินร้อยละ 200 ของเบี้ยประกัน หรือเคลมเกิน 3 ครั้งในโรคที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล จะต้องเริ่ม "ร่วมจ่าย" ในปีถัดไป และถ้าเคลมเกินร้อยละ 400 ในโรคทั่วไป (ไม่นับผ่าตัดใหญ่) จะต้องจ่ายร้อยละ 30 หรือสูงสุดร้อยละ 50 หากเข้าเงื่อนไขทั้ง 2 กรณี ปัญหาคือ เมื่อรวมกับราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์ที่สูงเกินจริงจาก รพ.เอกชน ผู้บริโภคยิ่งแบกรับภาระหนเว็บ ฟรี ส ปิ นักเข้าไปอีก วันถัดมา วันที่ 21 มี.ค.2568 สภาฯ ได้จัดรายการ "สภาผู้บริโภค LIVE" ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เพื่อเปิดเวทีพูดคุยในหัวข้อ "เคลียร์ชัด Co-payment เคลมเยอะ ต้องร่วมจ่าย เพราะ รพ.เอกชนแพง บัตรทองคือทางรอด" โดยนายภัทรกรชี้ว่า การที่ รพ.เอกชน คิดราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์สูงเกินจริง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ค่ารักษาพุ่ง และการผลักภาระให้ผู้บริโภคร่วมจ่ายไม่ใช่คำตอบที่ยุติธรรม โดยตั้งคำถามว่า ทำไมไม่แก้ที่ต้นเหตุ ทำไมกระทรวงพาณิชย์ไม่เข้ามาควบคุมราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์ที่แพงเกินจริง แทนที่จะปล่อยให้ประชาชนต้องจ่ายแพงขึ้นเรื่อยๆ ที่ผ่านมา สภาฯ พยายามผลักดันให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามากำกับราคาค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาลเอกชน แต่ไม่ได้รับการตอบรับ โดยกระทรวงฯ อ้างว่าเวชภัณฑ์เหล่านี้ไม่ใช่สินค้าควบคุม และไม่สามารถจัดการได้เหมือนยาในโรงพยาบาล สถานการณ์นี้ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากรู้สึกว่าถูกทิ้งให้เผชิญปัญหาคนเดียว โดยเฉพาะเมื่อต้องจ่ายค่ารักษาที่สูงเกินสมควรควบคู่กับนโยบายร่วมจ่ายจากประกัน ทั้งนี้ สภาองค์กรของผู้บริโภค ยังเรียกร้องให้ประชาชนที่เจอปัญหาค่ารักษาแพงเกินจริงเก็บใบเสร็จและหลักฐานต่าง ๆ มาร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1502 เพื่อรวบรวมข้อมูลและผลักดันการแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป "เราต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่ปล่อยให้ผู้บริโภคแบกภาระต่อไป" นายภัทรกรย้ำ อ่านข่าวอื่น : "พิชัย" ลุยมาตรการ "ซื้อหนี้ประชาชนฯ" หวังคิกออฟก่อน มิ.ย.นี้ อาจารย์ชาวอเมริกันตกตึกชั้น 26 ย่านปทุมวัน ตร.คาดเครียดหนัก
วันนี้ (24 มี.ค.2568) สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย
วันนี้ (13 ธ.ค.2564) เพจเฟซบุ๊กประชาสัมพันธ์กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เผยแพร่คลิปความยาว
วันนี้ (7 มี.ค.2564) น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าว
วันนี้ (24 มี.ค.2568) สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาควบคุมราคาค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์ของ รพ.เอกชน หลังพบว่ามีการตั้งราคาสูงเกินจริงอย่างน่าตกใจ โดยยกตัวอย่างเวชภัณฑ์ 4 ชนิดที่เปรียบเทียบราคาท้องตลาดกับราคาที่ รพ.เอกชน เรียกเก็บ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่ผู้บริโภคต้องเผชิญมานาน มีการเปิดเผยข้อมูล ดังนี้ ข้อมูลเหล่านี้มาจากใบเสร็จที่ผู้บริโภคนำมาร้องเรียนกับสภาฯ แสดงให้เห็นว่าราคาค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนกำลังสร้างภาระหนักให้ประชาชน ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว ย้อนไปเมื่อวันที่ 20 มี.ค.2568 สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อขอให้ทบทวนนโยบาย "ร่วมจ่าย" (Co-payment) ในสัญญาประกันภัยสุขภาพ เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากบ่นว่าการต้องร่วมจ่ายร้อยละ 30-50 นั้นสูงเกินไป โดยนายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค อธิบายว่า ตามคำสั่งของ คปภ. หากผู้เอาประกันเคลมสินไหมเกินร้อยละ 200 ของเบี้ยประกัน หรือเคลมเกิน 3 ครั้งในโรคที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล จะต้องเริ่ม "ร่วมจ่าย" ในปีถัดไป และถ้าเคลมเกินร้อยละ 400 ในโรคทั่วไป (ไม่นับผ่าตัดใหญ่) จะต้องจ่ายร้อยละ 30 หรือสูงสุดร้อยละ 50 หากเข้าเงื่อนไขทั้ง 2 กรณี ปัญหาคือ เมื่อรวมกับราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์ที่สูงเกินจริงจาก รพ.เอกชน ผู้บริโภคยิ่งแบกรับภาระหนเว็บ ฟรี ส ปิ นักเข้าไปอีก วันถัดมา วันที่ 21 มี.ค.2568 สภาฯ ได้จัดรายการ "สภาผู้บริโภค LIVE" ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เพื่อเปิดเวทีพูดคุยในหัวข้อ "เคลียร์ชัด Co-payment เคลมเยอะ ต้องร่วมจ่าย เพราะ รพ.เอกชนแพง บัตรทองคือทางรอด" โดยนายภัทรกรชี้ว่า การที่ รพ.เอกชน คิดราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์สูงเกินจริง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ค่ารักษาพุ่ง และการผลักภาระให้ผู้บริโภคร่วมจ่ายไม่ใช่คำตอบที่ยุติธรรม โดยตั้งคำถามว่า ทำไมไม่แก้ที่ต้นเหตุ ทำไมกระทรวงพาณิชย์ไม่เข้ามาควบคุมราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์ที่แพงเกินจริง แทนที่จะปล่อยให้ประชาชนต้องจ่ายแพงขึ้นเรื่อยๆ ที่ผ่านมา สภาฯ พยายามผลักดันให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามากำกับราคาค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาลเอกชน แต่ไม่ได้รับการตอบรับ โดยกระทรวงฯ อ้างว่าเวชภัณฑ์เหล่านี้ไม่ใช่สินค้าควบคุม และไม่สามารถจัดการได้เหมือนยาในโรงพยาบาล สถานการณ์นี้ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากรู้สึกว่าถูกทิ้งให้เผชิญปัญหาคนเดียว โดยเฉพาะเมื่อต้องจ่ายค่ารักษาที่สูงเกินสมควรควบคู่กับนโยบายร่วมจ่ายจากประกัน ทั้งนี้ สภาองค์กรของผู้บริโภค ยังเรียกร้องให้ประชาชนที่เจอปัญหาค่ารักษาแพงเกินจริงเก็บใบเสร็จและหลักฐานต่าง ๆ มาร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1502 เพื่อรวบรวมข้อมูลและผลักดันการแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป "เราต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่ปล่อยให้ผู้บริโภคแบกภาระต่อไป" นายภัทรกรย้ำ อ่านข่าวอื่น : "พิชัย" ลุยมาตรการ "ซื้อหนี้ประชาชนฯ" หวังคิกออฟก่อน มิ.ย.นี้ อาจารย์ชาวอเมริกันตกตึกชั้น 26 ย่านปทุมวัน ตร.คาดเครียดหนัก
วันนี้ (10 เม.ย.2566) เวลา 00.30 น. เจ้าหน้าดับไฟป่าเทศบาลตำบลป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมด้วยอา