เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2567 น.ส.กมลนาถ องค์วรรณดี ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และ ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชา

โอ้เอ๋ว (薁蕘) ของหวานท้องถิ่น จ.ภูเก็ต มีลักษณะเป็นวุ้นใสๆ สีขาว กินคู่กับเฉาก๊วย หรือ ภาคใต้จะเรียกว่าวุ้นดำ ถั่วแดงต้ม ตามด้วยน้ำแข็งเกล็ดละเอียด ใส่น้ำนมแมว น้ำเชื่อม ราดด้วยน้ำแดง เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมหวาน คล้ายกับน้ำแข็งใส “โอ้เอ๋ว แป๊ะหลี่” หรือ โอ้เอ๋ว เจ้าเก่า เป็นร้านรถเข็นเล็กๆ หน้าโรงหนังเก่าสยาม ใกล้ศูนย์อาหารพื้นเมืองภูเก็ต ซอยสุ่นอุทิศ ถนนเยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตั้งร้านตั้งแต่เวลา 13.30 - 17.00 น. ของทุกวัน พี่ชัช หรือ นายวัชรพันธุ์ พิทักษ์ภิรมย์ไพร อายุ 52 ปี ทายาทรุ่นที่ 3 เปิดเผยกับไทยพีบีเอสออนไลน์ ว่า อากง (ปู่) ได้รับการถ่ายทอดวิธีการทำโอ้เอ๋วจากชาวจีนท่านหนึ่ง อากงลองทำแค่ครั้งเดียวก็สามารถทำได้ จนทำให้อากงยึดอาชีพขายโอ้เอ๋วตั้งแต่นั้น และขายอยู่ที่โรงหนังสยามในสมัยนั้น นายวัชรพันธุ์ พิทักษ์ภิรมย์ไพร นายวัชรพันธุ์ พิทักษ์ภิรมย์ไพร ปัจจุบันโรงหนังกลายเป็นตึกร้าง แต่ทางร้านแป๊ะหลี่ ยังใช้พื้นที่ดังกล่าวตั้งโต๊ะให้ลูกค้าโอ้วเอ๋วได้นั่งกิน จากอดีตจนถึงปัจจุบันกว่า 100 ปีแล้ว ที่โอ้เอ๋วส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น จนถึงรุ่นที่ 3 พี่ชัชยังยึดอาชีพขายโอ้เอ๋วในปัจจุบัน พี่ชัช เล่าว่า เริ่มเห็นอากงทำโอ้เอ๋ว มาตั้งแต่เกิด และได้ช่วยอากงเตรียมของ และช่วยขาย เมื่ออากงเสียชีวิต ก็ได้ช่วยป๊า (พ่อ) ขายต่อเรื่อยมา ส่วนคำว่า แป๊ะหลี่ คือชื่อของป๊า ซึ่งเป็นที่มาที่หลายๆ คน รู้จักร้านนี้ในชื่อของโอ้เอ๋ว แป๊ะหลี่ กระทั่งเมื่อพี่ชัชเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็ได้ยึดอาชีพนี้ขายจนถึงปัจจุบัน ซึ่งราคาถ้วยละ 15 บาท พี่ชัชบอกว่าขายมาแล้วกว่า 10 ปี และยังคงไม่มีแนวคิดที่จะปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด พี่ชัช เล่าต่อว่า โอ้เอ๋ว ทำจากเมือกของเมล็ดโอ้เอ๋ว หรือภาษาจีนจะเรียกว่า เมล็ดอ้ายอวี้ (愛玉子) ซึ่งเป็นพืชจำพวกมะเดื่อ หรือ มะเดื่อเถา ลักษณะคล้ายเมล็ดแมงลัก สีน้ำตาล ส่วนทางร้านจะสั่งซื้อเมล็ดจากปีนัง สิงคโปร์ ส่วนวิธีการทำนำเมล็ดโอ้เอ๋ว มาแช่น้ำแล้วเอาเฉพาะเมือก ผสมกับเมือกของกล้วยน้ำว้า ตั้งไฟให้เดือดทิ้งไว้แล้วกรองเอากากออก น้ำที่ได้จะค่อยๆ แข็งเป็นวุ้น เนื้อของโอ้เอ๋วจะนิ่มและนุ่มมาก โดยทางร้านจะทำใหม่สดทุกวัน นอกจากนี้ พี่ชัช บอกว่าโอ้เอ๋วจะมีสัญลักษณ์ในการสั่ง ถ้าสั่งว่า ขาว แดง ดำ นั่นหมายความว่า โอ้เอ๋ว ใส่ ถั่วแดง และ เฉาก๊วย สีขาว คือ โอ้เอ๋ว , สีดำ คือ เฉาก๊วย และสีแดง คือ ถั่วแดง นั่นเอง โดยโอ้เอ๋วนิยมกินเพื่อแก้ร้อนใน และลดการกระหายน้ำ สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยรวมถึงคนภูเก็ตที่นิยมกินโอ้เอ๋ว บางคนแวะมาที่ร้านจากการติดตามในโซเชียล ส่วนคนต่างชาติก็จะเป็นคนเอเชีย ชาวยุโรปจะไม่ค่อยเป็นที่นิยม พี่ชัช กล่าวทิ้งท้ายว่าในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด ร้านจะมีการปิดแค่บางช่วง ซึ่งมีคนในละแวกนั้นที่แวะเวียนมาช่วยกันอุดหนุนทำให้ยังมีรายได้อยู่ในช่วงนั้น สำหรับใครที่มาเยือนภูเก็ต อย่าพลาดที่จะแวะมาลองชิม โอ้เอ๋ว เค้าว่ากันว่า ถ้ามาภูเก็ตไม่ได้กินโอ้เอ๋ว เหมือนมาไม่ถึงภูเก็ต และยdafabet ประเทศ่านนี้ยังสามารถเดินชมเมืองเก่าที่เป็นอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีสอันเป็นเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ของเมืองภูเก็ต และนอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอร่อยๆ อีกมากมายด้วย

หลังจากเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2564 โดยกระทรวงสาธารณสุขออกมาเปิดเผยถึงการจัดสรรวัคซีนในส่วนของกลุ่มบุคลากรการแพทย์ดูแลผู้ป่วย COVID-19 ทั่วประเทศ จำนวน 700,000 โดส ซึ่งมีการระบุว่า "เป็นเข็ม 3 เพื่อกระตุ้น

โอ้เอ๋ว (薁蕘) ของหวานท้องถิ่น จ.ภูเก็ต มีลักษณะเป็นวุ้นใสๆ สีขาว กินคู่กับเฉาก๊วย หรือ ภาคใต้จะเรียกว

นิยายชีวิต โดย : Fuji Pratiwi
เรื่องและภาพโดย : Fuji Pratiwi
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..