วันนี้ (20 ก.ค.2565) ไทยพีบีเอส สัมภาษณ์หญิงอายุ 34 ปี หนึ่งในผู้ติดเชื้อ COVID-19 คนนี้ เกี่ยวกับกา
ภาวะใกล้ตาย (near-death experience) ที่ถูกพูดถึงในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่ตนกำลังเคลื่อนตัวลงไปในอุโมงค์ที่ปลายทางมีแสงสว่างจ้า การหวนนึกถึงความทรงจำในอดีตที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งการได้ย
ภาวะใกล้ตาย (near-death experience) ที่ถูกพูดถึงในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่ตนกำลังเคลื่อนตัวลงไปในอุโมงค์ที่ปลายทางมีแสงสว่างจ้า การหวนนึกถึงความทรงจำในอดีตที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งการได้ยินหรือมองเห็นญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ล้วนมีที่มาจากผู้คนต่างวัฒนธรรมที่เชื่อกันว่าได้มีโอกาสเผชิญกับความตายมาก่อนแล้วทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าประสบการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นเพียงภาพหลอนที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ป่วยฟื้นตัวในโรงพยาบาลเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มีกลุ่มนักวิจัยจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan Medical School) นำโดยฮิโม บอร์ฮิจิน (Jimo Borjigin) และคณะ ได้ศึกษาคลื่นสมองของกลุ่มผู้ป่วยตัวอย่างทั้งหมดสี่คนที่กำลังจะเสียชีวิตผ่านการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง หรืออีอีจี (Electroencephalography, EEG) โดยคลื่นที่ออกมาจะเกิดจากการทำงานร่วมกันของเซลล์สมองจำนวนมาก แเว็บหวย เปิด ใหม่ แจกเครดิตฟรีละคลื่นแต่ละชนิดจะมีความถี่ที่แตกต่างกัน จากการศึกษาที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าในบรรดาคลื่นสมองทั้งหมดนี้ คลื่นสมองแกมมาซึ่งเป็นคลื่นความถี่สูงเป็นหนึ่งในลักษณะเด่นของการมีสติหรือความรู้สึกตัว (hallmark of consciousness) และยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการคิดขั้นสูงและการเรียกคืนความจำ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวมักจะเกิดขึ้นหากเกิดคลื่นนี้ในส่วนของสมองที่เรียกสั้นๆว่าทีพีโอจังก์ชัน (Temporo-pariero-occipital junction, TPO) ซึ่งอยู่บริเวณด้านข้างศีรษะทั้งสองด้าน ผลการทดลองปรากฏว่า ในบรรดาผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิตทั้ง 4 คนนั้น มี 2 คนที่แสดงสัญญาณของคลื่นแกมมาบริเวณทีพีโอจังก์ชัน โดยหลังจากที่ถอดอุปกรณ์พยุงชีพออก คลื่นแกมมานี้ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลันอยู่ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่นาที ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ว่าคนกลุ่มนี้มองเห็นอะไรก่อนที่กำลังจะตาย แต่ทางคุณบอร์ฮิจินได้กล่าวว่า "หากพวกเขารอดชีวิต ผู้ป่วยทั้งสองคนนี้อาจจะมีเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังก็เป็นได้" แซม พาร์เนีย (Sam Parnia) จาก NYU Langone Health กล่าวว่า การพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลันของคลื่นแกมมาอาจจะเกิดขึ้นได้ขณะที่กำลังเสียชีวิต เนื่องจากระดับออกซิเจนที่ลดลง ทำให้ระบบเบรกตามธรรมชาติของสมองที่ทำงานเหมือนกับเบรคเกอร์ไฟฟ้าในบ้านหยุดทำงาน จึงเกิดเหมือนกับไฟกระชากไปชั่วขณะ การค้นพบในครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญไปสู่การรับรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ที่มาข้อมูล: New Scientist“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
วันนี้ (8 ม.ค.2567) น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า อว.เตรียมจัดงาน "ถนนสายวิทยาศาสตร์ รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567" ชวนเด็กๆ มาเป็น "เด็กช่างคิด