ตร.ยึดทรัพย์ 190 ล้านเว็บพนันใช้โปรไฟล์การ์ตูนลวงเด็ก

วันที่ 15 ก.ค.2564 เวลา 18.00 น. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 233 คน แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 33 คน ผู้ติดเชื้อรายใหม่จากดำเนินงานเชิง

วันนี้ (12 ก.ย.2564) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผย

เปิดศักราชปี 2568 ราคาทองคำพุ่งแรงต่อเนื่อง จนเกือบจะแตะบาทละ 50,000 บาท นับตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ภาพรวมราคาทองในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาบวกขึ้นถึง 26,650 บาท เฉพาะปี 2567 บวกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึ

เปิดศักราชปี 2568 ราคาทองคำพุ่งแรงต่อเนื่อง จนเกือบจะแตะบาทละ 50,000 บาท นับตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ภาพรวมราคาทองในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาบวกขึ้นถึง 26,650 บาท เฉพาะปี 2567 บวกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 7,850 บาท มีหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงิน อุปสงค์อุปทาน และความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ทองคำถูกมองว่าเป็น "สินทรัพย์ปลอดภัย" (Safe Haven Asset) ซึ่งนักลงทุนใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเมื่อเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากเศรษฐกิจโลกอ่อนแอหรือเกิดวิกฤต ราคาทองมักปรับตัวสูงขึ้น แต่หากเศรษฐกิจโลกแข็งแกร่ง นักลงทุนอาจขายทองเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น ค่าเงินดอลลาร์ เงินเฟ้อ และนโยบายธนาคารกลางเป็นตัวแปรสำคัญที่ต้องจับตามอง "ไทยพีบีเอสออนไลน์" สัมภาษณ์ ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์ วิจัยทองคำ ถึงทิศทางและแนวโน้มราคาทองคำ หลังจากนี้ว่าจะทยานถึงบาทละ 50,000 ได้หรือไม่ "หากดูสถิติราคาทองคำย้อนหลังไป 20 ปี จะพบว่า ทุก ๆปีราคาทองคำจะปรับตัวขึ้น เฉลี่ยน 15-20% ปี2567 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสูงถึง 33% หลังจากที่รัฐบาลเปิดประเทศ และในช่วงโควิดทองคำปรับตัวสูงเกือบ 40% ซึ่งถือว่าราคาทองคำตั้งแต่ต้นปี68 ปรับตัวไปขึ้นมาที่บาทละ 42,600 บาท หรือ ประมาณบาทละ 47,000 บาท คิดเป็น 10% เป็นการบวกขึ้นมา 4,000 บาทซึ่งราคาใกล้เคียงกับปัจจุบัน"ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ เกริ่นนำ และย้ำว่า ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ผอ.ศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ปัจจัยที่เป็นตัวเร้าให้ราคาทองคำทะยานไปถึงบาทละ 50,000 ต้องมองย้อนกลับไปช่วงปลายปีที่นักวิเคราะห์ต่างออกมาประเมินสถานการณ์การกลับมาของทรัมป์ 2.0 ซึ่งถือว่า เป็นส่วนที่ทำให้เศรษฐกิจโลกหรือตลาดทุนเกิดความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทางบวกหรือทางลบด้วยนโยบายที่หาเสียงไว้จากสโลแกนทำให้อเมริกายิ่งใหญ่ "Make America great again" ทำให้ทั่วโลกเห็นว่า ทรัมป์ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนกับสภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการตั้งกำแพงภาษีต่างๆ การทำสงครามการค้ากับประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดังจะเห็นจาก ช่วงปลายปี 2567 ราคาทองคำลงมาแตะ 42,000 บาท หลังจาก "ทรัมป์" รับตำแหน่งเริ่มมีการแถลงนโยบายเริ่มงาน มีการประกาศนโยบายต่างๆออกมา ทำให้เกิดความไม่แน่นอนกับสภาวะเศรษฐกิจทำให้ราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างมากในต้นปีนี้ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทั้งที่เป็นในรูปแบบ Gold Spot และทองคำแท่งไทย ซึ่งทองคำแห่งไทยได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง รวมถึงความกังวลสงครามการค้าที่จะลามมาถึงไทยด้วย ผอ.ศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ เดือน ก.พ.ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ที่ผ่านมา จาก 68.31 จุด เป็น 72.67 เพิ่มขึ้น 4.36 จุด หรือคิดเป็น 6.39% ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้น คือ ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย นโยบายทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการอ่อนค่าของเงินบาท สำหรับการคาดการณ์กรอบราคาทองคำในเดือนนี้ ของผู้ประกอบกิจการค้าทอง คำรายใหญ่ต่างมองไปในทิศทางเดียวกัน คือ ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 2,749 – 2,965 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 44,250 – 47,750 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ และด้านค่าเงินบาท ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 33.34 – 34.62 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางราคาทองคำ ซึ่งการใช้กลยุทธ์เข้าซื้อทองคำเมื่อราคาทองคำอยู่ในระดับแนวรับสำคัญ และทยอยขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำแตะระดับแนวต้าน โดยกำหนดจุดหยุดขาดทุนที่ชัดเจนจะช่วยให้สามารถลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนในทองคำ รวมทั้งป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาดทองคำ ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองปรับตัวลดลงนั้น ศูนย์วิจัยทองคำได้ทำการวิเคราะห์ช่วงที่ทรัมป์อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี หากย้อนกลับไปปี 2537 พบว่าราคาทองคำร้อนแรงซึ่งสาเหตุมาจากความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ สงครามรัสเซีย-ยูเครน หรืออิสราเอล-ฮามาส และในช่วงแรกที่ทรัมป์ยังมีมุมมองที่ค่อนข้างเป็นบวกกับทั้งสองสงครามซึ่งแนวโน้มน่าจะลดความรุนแรงลงได้จริง ซึ่งทำให้ราคาทองซึ่งมีฐานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมีความเสี่ยงน้อยลง ทำให้มีแรงเทขายออกมา แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ทรัมป์เข้ามา มีการประกาศในหลายๆเรื่องไม่ว่าจะเป็น สงครามอิสราเอล ฉนวนกาซา หรือคลองปานามา ซึ่งเมื่อเริ่มมีนโยบายแปลกๆผิดจากที่ประกาศไว้ตอนหาเสียงทำให้ทองคำมีแรงซื้อเข้ามาจากนักลงทุน ดังนั้นปัจจัยที่ดึงให้ราคาทองคำลงมา คือ 1. ความคลี่คลายของสงครามการค้าซึ่งหากเมื่อไหร่ที่มีการเจรจายุติ ทั้งระหว่างสหรัฐกับจีน หรือแคนาดา เม็กซิโก หรือแม้แต่ยุโรปหรือกลุ่ม BRICS มีประเทศสมาชิก 9 ประเทศ คือ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้ เอธิโอเปีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ และอิหร่าน ถ้ามีการเจรจาเลื่อนการขึ้นภาษี ก็อาจจะเป็นปัจจัยลบให้กับราคาทองได้ 2.ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงคราม ฮามาส ตะวันออกกลาง ยูเครน มีการเจราสงบศึกกันได้และไม่มีการเปิดประเด็นอื่นในเรื่องของความขัดแย้งเพิ่มเติมก็จะเป็นส่วนทำให้ความรุนแรงของราคาทองลดลง ผอ.ศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า 5% ของราคาทองที่ย่อตัวลงจะประมาณ 2,000 บาท ถือว่าลงไปตั้งหลักที่ระดับไฮเก่าที่ 44,000 บาทกว่า ๆ ก็เป็นจังหวะที่น่าสนใจเข้าซื้อ หรือแม้กระทั่งลงมา 45,500-46,000บาท ที่ลดระดับลงมาจากระดับสูงสุด ที่ 47,000 บาท ลงมา 1,000-2,000 บาท/บาททองคำ ก็สามารถเข้าซื้อได้ ผอ.ศูนย์วิจัยทองคำ แนะนำนักลงทุน ประชาชนที่ต้องการลงทุน หรือซื้อทองคำเก็บไว้เป็นสินทรัพย์ยามฉุกเฉินหรือทุนสำรองว่า อยากให้นักลงทุนซื้อทองเมื่อราคาย่อมาในแนวรับต่าง ๆ คือ 44,000-46,000-45,00 บาททองคำ และใช้เงินทุนบางส่วน เพราะราคาทองปรับขึ้นมา 10% ต้องระวังพอสมควร การเข้าซื้อให้เป็นการทยอยเข้าซื้อในแนวรับ และถ้าเข้าซื้อแล้ว สมมุติว่าราคาทองปรับตัวขึ้นไปอีกครั้ง 47,500 ก็เป็นโอกาสที่จะขายทำกำไรออกมาบ้าง เพื่อบรรเทาคสามเสี่ยงพอร์ต แต่ในส่วนของนักลงทุนที่ซื้อทองคำเพราะอยากเก็บไว้เป็นทุนสำรองของครอบครัวสามารถถือต่อได้ และทยอยเข้าซืsbfplay 55้อในทุกครั้งที่ทองคำย่อตัวลงมา ซึ่งจะเห็นว่าพอทองย่อตัวลงมา 46,500 เริ่มมีคนเข้าซื้อก็ถือว่าราคาทองคำแท่งไทยแนวรับ 500-1,000 บาททองคำ ก็สามารถทยอยเข้าซื้อได้ทีละก้อน รวมถ้าปรับตัวสูงขึ้นก็อาจจะทยอยขายทำกำไรได้ ทั้งนี้เทรนด์การซื้อทองในอนาคตจะเป็นชิ้นเล็กลง เพราะว่าประกอบการต้องปรบตัวตามกำลังซื้อของผู้ซื้อและปรับตัวมาหลายปีแล้วตั้งแต่ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น 20,000 บาททองคำ ซึ่งสมัยก่อนผู้บริโภคนิยมออมทอง เช่น เงินเดือน 15,000 ก็สามาถซื้อทองได้ แต่ปัจจุบันเงินเดือน 15,000 ซื้อทองคำแทบไม่ได้ ดังนั้นผู้บริโภคต้องลดลง ตอนนี้มีทองคำชิ้นเล็ก ๆ ขนาด 0.3 กรัม 0.5 กรัม หรือ 1กรัม มีการผลิตออกมาขายเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในครึ่งปีแรกนั้น ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ มองว่ามีโอกาสสูงที่จะได้เห็นราคาทองคำบาทละ 50,000 จากปัจจัยต่างๆ ข้างต้น ซึ่งถ้ามองว่าทองคำปรับตัวขึ้น 20% เท่ากับ ทองคำบาทละ 42,600 คูณ 20% =8500 ก็ตกบาทละ 56,000 บาท ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง แต่จะอยู่ในช่วงไหน ต้องดูนโยบายต่างของทรัมป์ 1.ดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นไปทิศทางใด ถ้าลดลงก็เป็นแรงผลักให้ราคาทองสูง 2.ความขัดแย้งต่าง ๆ เช่น สงครามการค้า ก็จะเป็นแรงดันราคาทองเช่นกัน “ปีนี้มีโอกาสขึ้นสูง แต่ก็มีโอกาสลงเช่น ส่วนตัวเห็นว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นมีสูง ซึ่งถ้าทองคำปรับตัวลดลง 1,000-2,000 บาท ควรทยอยเข้าซื้อ หรือบาทละ 44,000-45,000-46,000 พอซื้อได้ แต่ถ้า 47,000 บาท ต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าซื้อทองคำ คล้ายการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นไปได้ทุกอย่าง ช่วงนี้มีบางส่วนทยอยเข้าซื้อ แต่โอกาสลงมี แต่สำคัญสุด คือ ต้องติดตามนโยบายทรัมป์ และดอกเบี้ย เงินเฟ้อ หรือการแถลงต่าง ๆของทรัมป์ ที่ทำให้ราคาทองค่อนข้างสวิง ทั้งทองแท่งและ Gold Spot สงครามๆต่าง ส่งผลกระทบน้อย แต่ถ้ามีการครุกรุ่นขึ้นมาอีก ก็อาจจะให้ราคาทองสูงขึ้นมาอีกได้” ผอ.ศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวถึงแนวโน้มของร้านทองทั่วประเทศที่อาจจะได้รับผลกระทบจากทองคำที่สูงขึ้น ว่า ปัจจุบันนักลงทุนให้ความสำคัญในการลงทุนทองคำแท่งมากกว่ารูปพรรณ คล้ายกับเป็นการฝากเงินไว้กับธนาคาร เพียงแต่ซื้อในรูปแบบของทองคำแท่งเก็บสะสมออม ส่วนทองรูปพรรณเมื่อราคาทองปรับตัวสูงขึ้น การที่จะเข้าซื้อรูปพรรณเพื่อสวมใส่ อาจจะมีดีมานด์ลดลงไปอย่างน่ากลัวทำให้ส่งผลกระทบกับร้านทองทั่วประเทศที่จะต้องปรับตัว จากการที่รายได้หดหาย เพราะส่วนมากทองรูปพรรณจะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากในอดีตไม่ว่าจะซื้อเป็นของขวัญ สวมใส่เป็นแฟชั่น และร้านทองเองได้ค่ากำเหน็จเพื่อใช้จ่ายในร้านทอง แต่ปัจจุบันการค้าทองรูปพรรณหดตัวไปมาก ทำให้ร้านทองส่งผลกระทบ สุดท้ายแล้วถ้าราคาทองคำปรับตัวลดลง และเศรษฐกิจโดยร่วมของประเทศดีขึ้น ตลาดทุนดีขึ้น สุดท้ายผู้บริโภคก็จะมีเงินบางส่วนไหลกลับมาที่ทองรูปพรรณแน่นอน เพราะทองรูปพรรณไทยถือว่า เป็นสินค้าที่มีความสำคัญกับวัฒนธรรมไทยมาเป็น 100 ปี แม้ว่าวันนี้ "ทองคำ"เริ่มปรับตัวลงตามสถานการณ์โลกที่ไม่หวือหวาเหมือนช่วงต้นปี แต่ "ทองคำ" ยังน่าลงทุน เนื่องจากยังเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและจากนี้ไปคงต้องลุ้นว่า จะได้เห็นราคา "ทองคำ" แตะอยู่ 50,000 บาท ได้หรือไม่ อ่านข่าว: สรุปราคาทองคำ 19 ก.พ. 2568 ปิดตลาดบวกแรง 500 บาท “ทองคำ” โอกาสนักลงทุน บนวิกฤต “ทรัมป์ป่วน” เศรษฐกิจโลก สรุปราคาทองคำ 11 ก.พ. 2568 ปิดตลาดร่วงเหลือ 250 บาท เรื่องต้องรู้ ก่อนลงทุนทองคำ กับความเสี่ยงที่ต้องระวัง ส่องสถิติราคาทองคำย้อนหลัง 10 ปี ลุ้นปี 2568 ไปสุดที่เท่าไหร่?

กรณี สส.ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจปมการเลี่ยงภาษีรับให้จากการโอนหุ้นบริษัทระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และเครือญาติ นำไปสู่เสียงเรียกร้องให้กรมสรรพากรชี้แจงข้อกฎหมายและมาตรฐานการวางแผนภาษ